หุ้นทอง
10 บจ.ขนาดใหญ่ หวั่นถูกปรับลดประมาณการกำไร


การขยายตัวของเศรษฐกิจไทย(GDP Growth) ปี 2563 เป็นที่รับทราบกันดีว่า มีโอกาสสูงในการจะขยายตัวได้ต่ำกว่าที่ฝ่ายวิจัยบล.เอเซียพลัส หรือ ASPS ประเมินไว้ที่ 2.8% yoy  ขณะที่ Consensus คาดการณ์กันช่วง 2.7-3.2%

 
 
 
ปัจจัยที่กดดันเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวต่ำกว่าเป้า ได้แก่ ส่งออกไทยปีนี้ยังกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวชัดเจนจากไวรัสโคโรน่าและสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนยังคงอยู่ นั่นก็คือภาษีรอบ 1-3 ยังไม่ยกเลิกและความเสี่ยงที่สหรัฐฯ ตัดสิทธิ GSP ไทย การบริโภคครัวเรือน กระทบจากภัยแล้งในปีนี้ จะแล้งมากสุดในรอบ 40 ปี ทำให้ผลผลิตสินค้าเกษตรลดลง กระทบรายได้ของเกษตรกรและกำลังซื้อของกลุ่มฐานราก, ภาคท่องเที่ยวกระทบจากไวรัสโคโรนาที่แพร่ระบาด การเบิกจ่ายงบลงทุนที่ยังไม่มีการก่อหนี้ผูกพัน กระทบลงทุนภาครัฐ ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องวินิจฉัยร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 ไว้วินิจฉัยว่า ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ประเด็นส.ส.เสียบบัตรแทนกันลงมติร่างพ.ร.บ.ทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณ ล่าช้ากว่าเดิมคาดเริ่มเบิกจ่ายเดือน ก.พ.2563 ยิ่งช้ายิ่งกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมาก
 
ในเบื้องต้นฝ่ายวิจัยฯประเมินกรณีสมมติฐานปรับลงจากคาดเดิมจะทำให้ GDP Growthจะขยายตัวต่ำกว่า 2.5% ซึ่งจะเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี เมื่อย้อนมาดูปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทย พบว่ามีปัจจัยลบรอบด้านเข้ามากระทบบวกกับ Fund Flow ที่ยังไหลออกต่อเนื่อง ล่าสุดขายสุทธิ 1.73 หมื่นล้านบาท (ytd) กดดันให้ SET Index ปรับฐานลงมาทำจุดตํ่าสุดในรอบ 3 ปี
 
นอกจากนี้มีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบทางลบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไม่ว่าจะเป็นการใช้มาตรฐานการบัญชี TFRS16 เรื่องสัญญาเช่า ซึ่งมีผลต่อทั้งงบกำไรขาดทุนและโครงสร้างการเงิน รวมทั้งยังมีกลุ่ม Real Sector บางส่วน ที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
 
 
 
สำหรับประมาณการเดิมของฝ่ายวิจัยฯนั้น คาดกำไรสุทธิงวดปี 2563 ของบจ.จะอยู่ที่ราว 1.0 ล้านล้านบาท คิดเป็น EPS ที่ 95.7 บาทต่อหุ้น แต่ในเบิ้องต้นจากการที่ฝ่ายวิจัยฯได้ทำ Earning Preview และพบว่า มีการปรับลดประมาณการกำไรปี 2563 ลง ในบจ.ขนาดใหญ่ 10 แห่ง แบ่งเป็นกลุ่มแบงก์พาณิชย์, ปิโตรเคมี, วัสดุก่อสร้าง, กลุ่ม ICT และสนามบิน 
 
 
 
 
 
หลังการปรับลดประมาณการกำไรของบจ.ขนาดใหญ่ 10 แห่งดังกล่าว ส่งผลให้คาดการณ์กำไรบจ.ในปี 63 ลดลงจาก 1 ล้านล้านบาท เหลือ 9.68 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นเป็น EPS ที่ระดับ 92.62 บาทต่อหุ้น ยังเติบโตเล็กน้อย 0.5% เมื่อเทียบกับ EPS ปี 2562
 
 
 
 
 
 
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯมีแผนจะปรับลดประมาณการตัวเลขกำไรสุทธิ และกำไรต่อหุ้นปี 2563 อย่างเป็นทางการ หลังการประกาศงบการเงินงวดปี 2562 จบแล้ว  
 
ประเด็นดังกล่าว ถือเป็นปัจัยกดดันตลาดหุ้น น่าจะทำให้ SET Index ยังอยู่ในช่วงปรับฐานต่อไป ระยะสั้นมี 1,500 จุดเป็นแนวรับ ขณะที่กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ ฝ่ายวิจัยฯ เห็นว่าตัวเลือกที่ปลอดภัย และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนชนะตลาดได้ คือ CPF และ TU 

LastUpdate 03/02/2563 14:46:07 โดย : Admin
28-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 28, 2024, 10:46 pm