ดัชนีมีการปรับตัวลดลงเล็กน้อยเป็นการพักตัวหลังจากปรับตัวขึ้นแรงไปในช่วงก่อนหน้า โดยในระหว่างวันยังได้ข่าวดีเรื่อง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 ที่ศาลตัดสินให้โหวตใหม่ ทำให้เกิดแรงซื้อกลับเข้ามาประคองดัชนีไว้ส่วนหนึ่ง ในขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศทั่วโลกส่วนใหญ่ติดลบเล็กน้อยจากแรงขายทำกำไรระยะสั้น ดังนั้นวันนี้(11 ก.พ.) หากดัชนีไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 1,532-1,531 จุดอีก ดัชนีจึงจะมีลุ้นดีดกลับต่อได้โดยมีแนวต้านถัดไปที่เส้นค่าเฉลี่ย 25 วันบริเวณ 1,554-1,555 จุด
ส่วนหุ้นที่น่าจับตามองในสัปดาห์นี้ ได้แก่หุ้น PLANB โดยมีแนวรับ 6.30 บาท แนวต้าน 6.60 , 6.95-7.10 บาท ระดับราคาดีดกลับขึ้นแรงทำ New high ในรอบสัปดาห์ พร้อมวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่MACD กำลังดีดกลับแต่ยังไม่พ้นระดับศูนย์ หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 6.30 บาทอีก ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นต่อแถวๆ 6.60 บาทต่อไป ผ่านหรือปิดได้ค่อยลุ้นทำ New high แถวๆ 6.95-7.10 บาท
ส่วน AMANAH ซึ่งมีแนวรับ 3.44 บาท แนวต้าน 3.54-3.56 บาท ซึ่งระดับราคาดีดกลับขึ้นทำ New high อีกครั้ง หลังจากพักตัวไป 1 วัน พร้อมวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ MACD เริ่มดีดกลับขึ้นยืนเหนือศูนย์ได้ หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 3.44 บาทซะก่อน ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นต่อแถวๆ 3.54-3.56 บาทต่อไป
ส่วนหุ้น KOOL มีแนวรับ 0.97-0.95 บาท แนวต้าน 1.06 , 1.12 บาท ซึ่งระดับราคาดีดกลับขึ้นทำ New high ในรอบสัปดาห์ได้แล้วหลังจากพยายามดีดกลับขึ้นมาติดต่อกัน 3 วัน พร้อมวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นในขณะที่ MACD เริ่มดีดกลับขึ้นยืนเหนือศูนย์ได้ 2 วันแล้ว หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 0.97 บาทซะก่อน หรือเต็มที่ไม่หลุด 0.95 บาท ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นต่อแถวๆ 1.06 บาทและ 1.12 บาทต่อไป
ด้านบรรยากาศการลงทุนตลาดทองคำ สัปดาห์ที่ผ่านสรุปว่าเมื่อถึงเวลา 15.00 น. วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์พ.ศ. 2563 นั้น ราคาทองคำล่าสุดอยู่ที่ 1,566.62 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเมื่อสัปดาห์ก่อนอยู่บริเวณ1,589.69 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เท่ากับเปลี่ยนแปลงปรับลงถึง 23.07 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐดีเกินคาดและตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นแรงระหว่างสัปดาห์ ส่วนราคาทองคำโลกสัปดาห์ที่ผันผวนน้อยลงจากสัปดาห์ก่อนแต่ยังปรับขึ้นต่อเนื่องได้อยู่ โดยทำจุดต่ำสุดและสูงสุดไว้ที่ 1,547.42-1,593.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ราคาทองคำปรับร่วงลง หลังจากการประกาศตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสถาบัน ADP ที่พุ่งเกินตลาดคาดไปมาก โดยตัวเลขเดือนมกราคมที่ผ่านมาของสหรัฐนั้น ตลาดคาดการณ์อยู่ราว 159,000 ตำแหน่ง แต่ตัวเลขจริงที่ประกาศนั้นพุ่งขึ้นถึง 291,000 ตำแหน่ง ส่งผลให้เงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นสหรัฐทำให้รีบาวนด์ได้แรง จากก่อนหน้ามีการปรับลงจากผลกระทบของราคาเริ่มดีดกลับอีกครั้ง หลังตลาดเริ่มมีมุมมองว่า ธนาคารกลางต่างๆทั่วโลกจะกลับมาเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยหรืออัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติมอีกหลังจากนี้ หลังประเทศจีนเริ่มอัดฉีดสภาพคล่องเข้าในตลาดอีกหลายแสนล้านหยวนในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรน่า
สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเปลี่ยนแปลงอ่อนค่าเล็กน้อย 0.02 บาทต่อดอลลาร์ ได้รับผลกระทบจากเงินไหลออกจากสกุลเงินในเอเซียไหลเข้าดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมากหลังเกิดไวรัสโคโรน่าระบาดในโซนเอเชีย ซึ่งล่าสุดอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ที่ 31.210 บาทต่อดอลลาร์ จากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 31.190 บาทต่อดอลลาร์ โดยระหว่างสัปดาห์แกว่งตัวในกรอบ 30.90-31.255 บาทต่อดอลลาร์
สำหรับนักลงทุนระยะสั้น ราคาทองคำยังแกว่งอยู่ในกรอบ 1,545-1,590 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งแนะนำซื้อบริเวณ 1,545-1,550 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากหลุดต่ำกว่า 1,540 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ตัดขาดทุน เป้าหมายอยู่บริเวณ 1,570-1,590 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ส่วนนักลงทุนระยะยาว ยังแนะนำถือทองคำต่อไป เป้าหมายปีนี้อยู่บริเวณ 1,650-1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไม่ใช่เพียงไวรัสโคโรน่าหรือความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและอิหร่านที่ทำให้ทองคำน่าสนใจ นโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำแต่เศรษฐกิจในหลายประเทศหลักๆยังไม่ฟื้นตัวได้ดีชัดเจน โดยยังก่อให้เกิดความเสี่ยงจากปัญหาด้านเศรษฐกิจได้อีกในอนาคต ทองคำจึงยังเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนควรลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากตราสารทางการเงินหรือสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ
ข่าวเด่น