นับจากต้นปี 2563 มาจนถึงปัจจุบัน SET Index ปรับลงไปแล้ว 3.54% เนื่องจากหลายปัจจัยที่เข้ามากดดัน ไม่ว่าจะเป็นการระบาดของ COVID19 (โคโรนาไวรัส), ความล่าช้าของการจัดทำกฎหมายงบประมาณ, การส่งออกชะลอตัว ขณะที่พบว่าหุ้นในหลายกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ราคาปรับลงแรงกว่า SET Index มาก เช่น กลุ่มแบงก์พาณิชย์, กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และกลุ่มท่องเที่ยวฯ เป็นต้น ทำให้ปัจจุบันราคาหุ้นส่วนใหญ่ต่ำกว่า Fair Value อย่างมีนัยสำคัญ
ฝ่ายวิจัยบล.เอเซีย พลัส หรือ ASPS เห็นว่าเป็นโอกาสดีที่นักลงทุนน่าจะเข้าทำกำไรได้ หากสถานการณ์แวดล้อมทางปัจจัยพื้นฐานที่เคยสร้างแรงกดดัน เริ่มคลี่คลายและมีน้ำหนักกดดันตลาดหุ้นน้อยลง จากการติดตามสถานการณ์ของปัจจัยลบต่างๆ ล่าสุดพบว่า เริ่มเห็นสัญญาณบวกขึ้นมาแล้วได้แก่
1.การแก้ไขปัญหาเรื่องร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯคาดว่าน่าจะสามารถเบิกจ่ายได้ในช่วงเดือน มี.ค.2563 ถือว่าเร็วกว่าที่คาดกันไว้
2.สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID19 พบว่าอัตราการเพิ่มของผู้ติดเชื้อลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่มีผู้เชี่ยวชาญออกมาให้ความเห็นว่า สถานการณ์น่าจะดีขึ้นมาในช่วงไตรมาส2 ปี 2563
อย่างไรก็ตามยังมีบางปัญหาที่น่าเป็นห่วงไม่ว่าจะเป็นการชะลอตัวของภาคการส่งออก และภาวะภัยแล้งที่กำลังรุนแรงขึ้น แต่เมื่อพิจารณาโดยภาพรวม คาดว่า SET Index ในนี้อาจยังไม่สามารถปรับขึ้นไปได้จะมีก็เพียงบางกลุ่มอุตสาหกรรมที่อาจเริ่มพลิกตัวกลับขึ้นมาได้อย่างร้อนแรง
ฝ่ายวิจัยฯให้น้ำหนักไปที่กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งน่าจะเห็นความคืบหน้าของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน หลังจากงบจ่ายลงทุนของภาครัฐสามารถเบิกจ่ายได้ วันนี้ฝ่ายวิจัยฯจึงเลือก WHA เป็นหุ้นเด่น และให้น้ำหนักงทุนเข้าไปในพอร์ตจำลองของ ASPS สัดส่วน 10% ของพอร์ต ขณะเดียวกันได้ขายทำกำไรหุ้น CPF ออกจากพอร์ต หลังพบว่าราคาหมูปรับตัวลดลงแรง แม้จะเป็นเพียงระยะสั้น แต่อาจสร้าง Sentiment เชิงลบให้ราคาหุ้นได้
นอกจากนี้ยังชอบหุ้น PYLON ซึ่งได้เริ่มเข้าลงทุนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาและเมื่อวานนี้ ยังให้น้ำหนักการลงทุนเพิ่มอีก ดังนั้นหุ้น Top pics ของฝ่ายวิจัยฯในวันนี้ คือ WHA และ PYLON (รายละเอียดดังภาพ)
สำหรับพอร์ตจำลองของ ASPS นับจากต้นปีมาจนถึงวานนี้ให้ผลตอบแทนเป็นบวก 5.11% เทียบกับ SET Index ที่ปรับลงถึง 3.54% โดยการจัดพอร์ตลงทุนในสถานการณ์ปัจจุบัน ให้น้ำหนักหุ้นปันผล 55%, หุ้นที่เป็น Growth 20% และหุ้น Defensive 25%
ข่าวเด่น