บลจ.ทิสโก้เสิร์ฟกองทุนเปิด ทิสโก้ พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ อินฟราสตรัคเจอร์ เฟล็กซิเบิ้ล ช่วยนักลงทุนคัด REITs กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ชี้ปันผลเด่น ผันผวนน้อย เหมาะลงทุนในช่วงอัตราดอกเบี้ยต่ำ หุ้นผันผวน เปิด IPO 19-26 ก.พ. 63
นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่าในปี 2563 เศรษฐกิจทั่วโลกยังเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงหลายประการ เช่น ความขัดแย้งระหว่างประเทศ โรคระบาด ส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตในอัตราที่ชะลอตัว ซึ่งเป็นสาเหตุให้ธนาคารกลางสำคัญๆ ทั่วโลกต่างทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ ล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือ 1% กระทบอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวที่ทรงตัวในระดับต่ำ ทำให้การลงทุนในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง เนื่องจากที่ผ่านมามีอัตราการจ่ายปันผลอยู่ในระดับที่ดีและสม่ำเสมอ แม้จะมีความผันผวนสูงกว่าตราสารหนี้ แต่ก็ต่ำกว่าการลงทุนในหุ้น
ดังนั้นเพื่อช่วยให้ลูกค้าได้ลงทุนในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานที่ดี บลจ.ทิสโก้จึงเปิดเสนอขายกองทุนเปิด ทิสโก้ พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ อินฟราสตรัคเจอร์ เฟล็กซิเบิ้ล (TTHREIT) ความเสี่ยงระดับ 8 (เสี่ยงสูงมาก) กองทุนรวมผสมที่มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของREITs กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และ / หรือ หน่วยลงทุนของกองทุนรวม หรือกองทุนรวมอีทีเอฟที่มีนโยบายลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ REITs และกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงหลักทรัพย์หรือตราสารอื่นใดที่ให้สิทธิในการได้มาหรือมีผลตอบแทนอ้างอิงกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หรือโครงสร้างพื้นฐาน โดยลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท เปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) วันที่ 19-26 กุมภาพันธ์ 2563 ทั้งนี้กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก
“ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่หุ้นก็ยังผันผวนจากปัจจัยต่างๆ การกระจายพอร์ตการลงทุนไปยังสินทรัพย์ทางเลือกอย่าง REITs กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จึงน่าสนใจ เพราะกองทุนประเภทนี้มีอัตราการจ่ายปันผลที่โดดเด่น และสม่ำเสมอ เนื่องจากสินทรัพย์ที่เข้าไปลงทุนมักจะอยู่ในช่วงที่รายได้เริ่มคงที่แล้ว โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา REITs ในประเทศไทยจ่ายปันผลในอัตรามากกว่า 4% ต่อปีโดยเฉลี่ย ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของตราสารหนี้และยังมีความผันผวนที่น้อยกว่าการลงทุนในหุ้น จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเพิ่มผลตอบแทนโดยรวมของพอร์ต แต่อาจจะยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุนหุ้นไม่ได้” นายสาห์รัชกล่าว
ข่าวเด่น