หุ้นทอง
รอลุ้นหุ้นดีดกลับยืน 1,500 จุด ทองคำ"สั้น-ยาว"ถือได้ยังไปต่อ


เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีมีการปรับตัวลงในช่วงเช้าก่อนจะดีดกลับขึ้นมาในช่วงบ่ายท้ายตลาด ซึ่งเป็นการดีดกลับหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติยุบพรรคอนาคตใหม่ สาเหตุที่ดัชนีดีดกลับขึ้นแรงน่าจะมาจากตลาดฯ รับรู้ข่าวล่วงหน้ามาหลายวันแล้ว จึงดีดกลับหลังจากทุกอย่างเคลียร์ แม้ว่าตลาดหุ้นทั่วโลกจะติดลบกันถ้วนหน้าก็ตาม ดังนั้นวันนี้ (24 ก.พ.) หากดัชนีดีดกลับขึ้นต่ออาจได้ลุ้นแถวๆ เส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน ที่ 1,500 จุด ในขณะที่แนวรับอยู่แถวๆ เส้น BollingerBottom ที่ 1,482 จุด หรือเต็มที่ ที่จุดต่ำสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 1,476 จุด ไม่หลุดปิดต่ำกว่าแถวๆ นี้ซะก่อน น่าจะได้ลุ้นดีดกลับต่อแถวๆ 1,515-1,523 จุดต่อไป

 


 
 
 
สำหรับหุ้นที่น่าจับตามองในสัปดาห์นี้ ได้แก่ หุ้น CHAYO ซึ่งมีแนวรับ 6.75 , 6.45-6.35 บาท ส่วนแนวต้าน 7.20 , 7.45 บาท โดยระดับราคาดีดกลับขึ้นแรงอีกครั้ง หลังจากเกิดสัญญาณโดจิไปในวันก่อนหน้า อีกทั้งยังลงมาทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันแล้วไม่หลุด ดังนั้นจึงมีแรงดีดกลับขึ้นมาโดยสามารถประคองตัวปิดได้ในระดับสูงของวัน หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 6.75 บาทซะก่อน หรือเต็มที่ไม่หลุดลงไปต่ำกว่า 6.45-6.35 บาท ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นทดสอบ 7.20 บาท และ 7.45 บาทต่อไป

ส่วนหุ้น MITSUB ก็เป็นอีกตัวที่น่าสนใจ โดยมีแนวรับ 1.32 บาท ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1.38 , 1.48 บาท ซึ่งระดับราคาดีดกลับขึ้นแรงโดยผ่านขึ้นมาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันได้ อีกทั้งยังปิดได้ในระดับสูงของวัน แม้ว่าวอลุ่มซื้อขายจะไม่ได้เพิ่มขึ้นสูงก็ตาม ในขณะที่ MACD ยังต่ำกว่าศูนย์แต่ก็เริ่มดีดกลับใกล้พ้นศูนย์แล้ว หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันที่ 1.32 บาทซะก่อน ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นต่อได้แถวๆ 1.38 บาทและ 1.48 บาทต่อไป

ด้าน CPW มีแนวรับ 1.63 , 1.59-1.56 บาท และมีแนวต้าน 1.67-1.68 , 1.74-1.75 บาท โดยระดับราคาดีดกลับขึ้นปิดได้ในระดับสูงของวันโดยผ่านขึ้นปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันได้ อีกทั้งยังเกิดสัญญาณ Golden cross อีกด้วย หากวันนี้ระดับราคาอ่อนตัวกลับลงมาแถวๆ 1.63 บาทอีกยังน่าซื้อเพิ่ม ลุ้นดีดกลับขึ้นทดสอบเส้น BollingerTop แถวๆ 1.67-1.68 บาท ก่อนผ่านขึ้นต่อแถวๆเส้นค่าเฉลี่ย 75 วันที่ 1.74-1.75 บาทต่อไป

ขณะที่บรรยากาศตลาดทองคำสัปดาห์ที่ผ่านเมื่อถึงเวลา 10.30 น. วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา โดยราคาทองคำล่าสุดอยู่ที่ 1,624.19 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเมื่อสัปดาห์ก่อนอยู่บริเวณ 1,583.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เท่ากับเปลี่ยนแปลงปรับขึ้นถึง 40.79 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับปัจจัยบวกจากความกังวลของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ที่เริ่มระบาดมากขึ้นนอกประเทศจีน

ทั้งนี้ราคาทองคำโลกสัปดาห์ที่แล้วปรับขึ้นต่อเนื่องอยู่ โดยทำจุดต่ำสุดและสูงสุดไว้ที่ 1,578.80-1,624.55 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งช่วงต้นสัปดาห์ ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบจากตลาดฟากสหรัฐหยุดทำการเนื่องในวัน President Day หรือวันประธานาธิบดีสหรัฐ แต่ในช่วงกลางสัปดาห์ถึงวันศุกร์ ราคาทองคำโลกปรับขึ้นต่อเนื่อง แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดในจีนมีอัตราลดลงมากแล้วก็ตาม แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อในหลายๆประเทศนอกประเทศจีนนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับนักลงทุนทั่วโลก เริ่มกังวลว่าฟากฝั่งจีนประเทศผู้ผลิตสินค้าและวัตถุดิบหลายชนิดได้รับผลกระทบจากไวรัสดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลให้เกิดปัญหาอุปกรณ์และวัสดุชิ้นส่วนขาดแคลนทั่วโลกได้ ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นปรับลง และสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำพุ่งขึ้นแรง

ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สัปดาห์ที่ผ่านมา กลับมาอ่อนค่ามากถึง 0.42 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งล่าสุดอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ที่ 31.620 บาทต่อดอลลาร์ จากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 31.200 บาทต่อดอลลาร์ โดยระหว่างสัปดาห์แกว่งตัวในกรอบ 31.120-31.660 ซึ่งได้รับปัจจัยจากนักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบมากจากการขาดหายรายได้ของนักท่องเที่ยวจีนเป็นหลัก
 
ดังนั้นสำหรับนักลงทุนระยะสั้นยังแนะนำให้ถือทองคำต่อหลังซื้อมาบริเวณ 1,545-1,550 ดอลลาร์ต่อออนซ์ รอบที่ผ่านมา ถึงแม้จะขึ้นมาถึงเป้าหมาย 1,590 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ไปแล้วก็ตาม แต่การปรับขึ้นยังแรงอยู่ หากขายทำกำไรไปแล้ว แนะนำให้รอจังหวะซื้อกลับบริเวณ 1,610 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือใกล้เคียง แต่หากต่ำกว่า 1,595 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ตัดขาดทุนทันที โดยเป้าหมายระยะสั้นอยู่ที่ 1,640 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สำหรับนักลงทุนระยะยาว ยังแนะนำถือทองคำต่อไป เป้าหมายปีนี้อยู่บริเวณ 1,650-1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ที่เคยให้ไว้เมื่อปลายปีที่ผ่านมาใกล้ถึงแล้ว มีโอกาสพุ่งสูงกว่าเป้าหมายนี้เช่นกัน ไม่ใช่เพียงไวรัสโคโรน่าหรือความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและอิหร่าน ที่ทำให้ทองคำน่าสนใจ นโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำแต่เศรษฐกิจในหลายประเทศหลักๆ ยังไม่ฟื้นตัวได้ดีและน่าจะได้รับผลกระทบต่อแรงซื้อและกำลังการผลิตสินค้าของประเทศจีนที่ขาดหายไปในปีนี้ ทองคำจึงยังเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนควรลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากตราสารทางการเงินหรือสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 24 ก.พ. 2563 เวลา : 10:48:45
29-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 29, 2024, 12:52 am