หุ้นทอง
พลิกตลาดจีน หาหุ้นดีราคาถูกรับวิกฤต


พูดถึงประเทศจีนตอนนี้ คุณอาจจะนึกถึงไวรัสโคโรนา และสงครามการค้า แต่ถ้าคุณยังจำได้…สาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่งถือกำเนิดมาเพียงแค่ 70 ปีเท่านั้น เป็น 70 ปีที่จีนพัฒนาตนเองแบบก้าวกระโดดจากประเทศยากจนที่ไม่มีคู่ค้า ไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับชาติไหน กลายมาเป็นชาติมหาอำนาจ เศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก (ใหญ่ที่สุดถ้าคิดแบบ PPP หรือ Purchasing Power Parity)

 


 
 
 
 
กราฟการเติบโตที่สูงชันของเศรษฐกิจจีน โดยเฉพาะช่วง 40 ปีล่าสุด ทำให้วิกฤตเหล่านี้กลายเป็นหลุมเล็กๆที่อย่างมากก็แค่ทำให้สะดุดแต่ไม่สามารถต้านทานแรงพุ่งของเศรษฐกิจจีนในระยะยาวได้

ยกตัวอย่างวิกฤต SARS เมื่อปี พ.ศ. 2546 ซึ่งครั้งนั้นนักวิเคราะห์เตือนว่าจะกระทบเศรษฐกิจจีนหนัก และหลายคนมองว่าคล้ายกับวิกฤตไวรัส 2019-nCoV หรือไวรัสโคโรนาในปัจจุบัน โดยในปีนั้น GDP ไตรมาสที่ 2 ของจีนหดตัวลงก็จริง แต่ไตรมาสที่ 3 และ 4 กลับเติบโตสูงชดเชยส่วนที่หายไป รวม 4 ไตรมาสก็ยังเติบโตเป็น 10% และถ้ามองกรอบเวลาที่กว้างขึ้นอีก ก็แทบจะไม่เห็นผลกระทบของ SARS กับการเติบโตของ GDP จีนเลย 

ที่สำคัญผู้เชี่ยวชาญต่างเห็นพ้องต้องกันว่า เชื้อโคโรนา 2019-nCoV นั้นไม่รุนแรงเท่ากับ SARS แม้จะติดกันง่ายกว่า ส่วนหนึ่งเพราะระยะฟักตัวนานกว่า SARS แต่ 2019-nCoV คร่าชีวิตผู้ติดเชื้อประมาณ 2% ในขณะที่ผู้ติดเชื้อ SARS ประมาณ 10% เสียชีวิต

ครั้งนี้รัฐบาลจีนรับมือด้วยความรวดเร็วเฉียบขาด เปิดเผยข้อมูลและให้ความร่วมมือกับ WHO แม้ในระยะสั้น อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ค้าปลีก และโรงงานต่างๆ จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่สุดท้าย ดังเช่นโรคระบาดอื่นๆ ไวรัสโคโรนาก็จะอยู่ภายใต้การควบคุม และกลับสู่ภาวะปกติอีกครั้ง

เมื่อเหตุการณ์คลี่คลาย ประชากรจีนที่ปกติเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศกว่า 150 ล้านครั้ง แถมยังเป็นนักท่องเที่ยวใช้เงินเยอะที่สุดในโลก ก็พร้อมจะวางแผนเดินทางอีกครั้ง ธุรกิจต่างๆ เริ่มกลับมาดำเนินการ และอาจจะทำงานหนักกว่าเดิมเพื่อชดเชยเวลาที่เสียไป ผู้บริโภคที่ช่วงนี้อาจจะอัดอั้น ไม่กล้าไปจับจ่ายซื้อของ สุดท้ายก็ต้องออกไปช้อปปิ้ง ผลักดันเศรษฐกิจให้กลับเข้าสู่เส้นทางการเติบโตเหมือนเดิม

นอกจากนี้ยังมีกฎหมายการลงทุนสำหรับต่างชาติฉบับใหม่ (Foreign Investment Law) ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2563 เป็นต้นมา ปลดล็อกธุรกิจอีกหลายหมวดอุตสาหกรรมให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาร่วมลงทุนได้ และมีข้อตกลงการค้าเฟสแรกที่จีนกับสหรัฐฯ ที่ได้ลงนามไปเมื่อกลางเดือนมกราคมเป็นปัจจัยหนุนนำเศรษฐกิจของจีนในระยะยาวให้เข้ารูปเข้ารอย ล่าสุด ทั้งสองประเทศประกาศว่าจะลดภาษีนำเข้าสินค้าของอีกฝ่าย ซึ่งมีผลบังคับใช้ 14 ก.พ. น่าจะเป็นสัญญาณดีที่ส่งผลให้ความตึงเครียดเรื่องสงครามการค้าให้ลดลง และช่วยให้การเจรจาด้านการค้าครั้งต่อๆ ไปราบรื่นยิ่งขึ้น

ด้านเศรษฐกิจ จีนกำลังเปลี่ยนผ่านจากที่เคยเป็นโรงงานของโลก และการเติบโตของเศรษฐกิจพึ่งพาภาคการผลิตเป็นหลักนั้น ตอนนี้จีนเข้าใกล้ความเป็นประเทศพัฒนาแล้วที่เศรษฐกิจขับเคลื่อนด้วยภาคบริการมากขึ้น เห็นได้ชัดจาก GDP ของประเทศจีน ที่ภาคบริการขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ สร้างรายได้นำภาคการผลิตนับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2556 เป็นต้นมา ในปัจจุบันประเทศจีนส่งออกบริการเชิงพาณิชย์เป็นอันดับที่ 5 ของโลกแล้ว ในขณะที่ภาคการผลิตของจีนหดตัวลง เฉลี่ย 5 ปีเติบโต -1.6% ซึ่งนักลงทุนต่างประเทศเองก็ตระหนักถึงโอกาสการเติบโตมหาศาลของภาคบริการของจีน เห็นได้จากสัดส่วนการลงทุนภาคการบริการโดยตรงจากแหล่งเงินต่างประเทศ (FDI) ที่สูงถึง 68.1%

แม้แต่ในภาคบริการของจีนเองก็กำลังเข้าสู่ช่วงการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ ธุรกิจขายส่งและขายปลีกยังเป็นอุตสาหกรรมหลัก แต่การบริการด้านข้อมูล ซอฟท์แวร์ และเทคโนโลยี ก็กำลังเติบโตขึ้นมาทัดเทียม ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 3 ปีสูงถึง 23.4% นับว่าเป็นกลุ่มธุรกิจที่มาแรงมากๆ ในจีน

การลงทุนในบริษัทจดทะเบียนของจีนนั้น นักลงทุนสามารถลงทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ใหญ่ 2 แห่ง ได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ (Shanghai Stock Exchange - SSE) และตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น (Shenzhen Stock Exchange - SHZE) ทั้งสองตลาดหลักทรัพย์มีมูลค่าใหญ่ติด 1 ใน 10 ของตลาดหลักทรัพย์โลก โดย SSE นั้นมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 และ SHZE อยู่ที่อันดับ 8 นอกจากนี้ บริษัทจดทะเบียนในทั้งสองตลาดหลักทรัพย์นั้น ส่วนใหญ่เป็นบริษัทจีนที่ขายสินค้าและบริการภายในประเทศที่นักลงทุนไทยอาจจะยังไม่เคยได้ยินชื่อ แต่ด้วยขนาดประชากรของประเทศจีน ทำให้บริษัทเหล่านี้เติบโตมีมูลค่าธุรกิจเพิ่มขึ้นได้อย่างมหาศาลแม้จะยังไม่ได้ขยายตลาดไปต่างประเทศ ดังนั้นศักยภาพการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนจีนจึงเป็นโอกาสการลงทุนที่มองข้ามไม่ได้

ทั้งนี้นักลงทุนที่สนใจการลงทุนในตลาดหุ้นจีน สามารถเข้าไปดูข้อมูลวิเคราะห์ธุรกิจจีนแผ่นดินใหญ่จากทั้งสองตลาดหลักทรัพย์ได้ใน www.jitta.com หรือแอปพลิเคชัน Jitta โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
เริ่มค้นหาหุ้นดีราคาถูกตลาดหุ้นจีน
Huaxin Cement Co., Ltd.
Gansu Shangfeng Cement Co.,Ltd
Chongqing Fuling Electric Power Industrial Co., Ltd.
Ningxia Building Materials Group Co., Ltd.
Gansu Qilianshan Cement Group Co., Ltd.
 
Indicators
จากโรงงานเป็นโรงแรม 52.16% ของ GDP สัดส่วนอุตสาหกรรมบริการในจีน ที่ใหญ่แซงภาคการผลิตตั้งแต่ 2556 
เดินหน้าด้วยนวัตกรรม 23.4% ต่อปีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 3 ปีของธุรกิจกลุ่มเทคโนโลยี IT
พ่อค้าอันดับ 1 ของโลก US$2.49 ล้านล้าน ปริมาณการส่งออกสินค้าปี 2018 สูงที่สุดในโลก
รวมพลคนรักสุกร 50% ของหมูทั้งโลกอยู่ในประเทศจีน
สายเปย์ตัวท็อป แค่ 10% ของประชากรจีนออกท่องเที่ยวต่างประเทศแต่ใช้จ่ายเงินเยอะที่สุดในโลก

 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 24 ก.พ. 2563 เวลา : 12:00:35
29-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 29, 2024, 12:53 am