ต้องบอกว่าขณะนี้บรรยากาศทั่วโลกเกิดอาการป่วย จากหลากหลายปัญหาที่เข้ามารุมเร้า ทั้งโรคระบาดจากไวรัส ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ และสงครามการค้า ดังนั้นอาการป่วยลักษณะแบบนี้ ถ้าหากคุณเป็นผู้ลงทุน คุณควรจะทำอย่างไร เพื่อที่ยังทำให้คุณสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับพอร์ตลงทุนได้ ในช่วงที่โลกยังไม่ฟื้นตัว จากอาการป่วยงอมแงม
สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ มิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์ และคุณณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ ขอแนะนำเบื้องต้น คือ คุณต้องหาผลิตภัณฑ์การลงทุนที่เรียกว่าเป็นวัคซีน เพื่อมาช่วยให้พอร์ตลงทุนโดยรวมของคุณมีความเสี่ยงลดลง ซึ่งวัคซีนเพื่อการลงทุนที่ว่านี้ ควรมีคุณสมบัติโดดเด่น 2 เรื่อง นั่นก็คือ
เรื่องแรก สามารถต้านทานต่อภาวะความผันผวนได้ในระยะยาว และเรื่องที่สองคือ สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดี
หุ้นจีนในกลุ่ม A-Shares ไม่แพง
ถึงแม้ว่าจีนจะเป็นต้นทางของการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 แต่หุ้นในกลุ่ม A-Shares ซึ่งเป็นบริษัทที่มีถิ่นฐานการทำธุรกิจในจีนยังมีความน่าสนใจ เพราะมีหุ้นกลุ่มสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค (Consumer) และกลุ่มธุรกิจการแพทย์ (Health Care) ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่มีความต้องการบริโภคภายในประเทศสูงมาก จึงทำให้ได้รับผลกระทบจากภาวะโรคภัยที่เกิดขึ้นน้อย ในทางตรงกันข้ามกลับมีความต้องการเพิ่มมากขึ้นด้วย
อีกทั้งภาพรวมหุ้นจีนในกลุ่ม A-Shares ยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่รัฐบาลจีนเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในระบบอย่างต่อเนื่อง และเน้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้น เพื่อพยุงเศรษฐกิจไม่ให้คนตื่นตระหนกมากเกินไป ที่สำคัญอัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E Ratio) ของตลาดหุ้น A-Shares ยังไม่ได้อยู่ในระดับสูง โดยล่าสุด Forward P/E อยู่ที่ราว 11.2 เท่า สะท้อนว่าหากเข้าไปลงทุนในเวลานี้ก็จะได้หุ้นในราคาที่ไม่แพงนัก
หุ้น E-commerce ยังโดดเด่น
นอกจากธุรกิจ E-Commerce จะอิงกระแสเมกกะเทรนด์ในเรื่องความก้าวหน้าในการพัฒนาอินเทอร์เน็ต (Internet Breakthrough) เป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตสูง ทนทานต่อทุกสภาวะเศรษฐกิจและสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในระยะยาว ซึ่งธุรกิจนี้ยังมีความโดดเด่นอีกหลายเรื่อง เช่น ปัจจุบันผู้บริโภคเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้นและมีแนวโน้มใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น (อัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตโดยเฉลี่ยทั่วโลกประมาณ 53% โดยในสหรัฐอเมริกามีอัตราประมาณ 88%)
ธุรกิจ E-Commerce แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ Traditional Retailers, Online Travel Agency และ Market Place ซึ่งธุรกิจเหล่านี้อยู่ในช่วงเจริญเติบโต (Growth Stage) และยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในช่วง 2 - 3 ปีข้างหน้าจะยังคงเติบโตได้กว่า 15% ธุรกิจ E-Commerce สามารถเก็บข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคได้ ทำให้สามารถนำเสนอสินค้า บริการ และโปรโมชั่นต่างๆ ได้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ผู้บริโภคมีความสะดวกในการเลือกซื้อสินค้าและบริการ และการชำระเงิน ทำให้ง่ายต่อการใช้จ่าย
ดังนั้นแม้จะเกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ปัญหาทางการเมืองระดับโลกหรือมีปัญหาโรคระบาดเกิดขึ้นในระหว่างที่ลงทุนก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบระยะยาวต่อธุรกิจกลุ่มนี้
ข่าวเด่น