ประกัน
ก่อนจะเวนคืนกรมธรรม์ศึกษา"ข้อดี-ข้อเสีย" ก่อนไหม


เวลามีตัวแทนมานำเสนอขายประกันประก้นชีวิตด้วยหลากหลายโปรโมชั่นและผลประโยชน์ที่ดีสุดอย่างไร แต่การจบแผนการนำเสนอการขายที่รวดเร็วของคุณ ต่อตัวแทนขาย ที่สั้นและเร็วคือ “พี่มีประกันชีวิตอยู่แล้ว คงไม่ซื้อเพิ่มหรอก”


 
 
 
แต่วันนี้ มิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์และคุณสาธิต บวรสันติสุทธิ์ ขอให้คุณมองลึกถึงผลิตภัณฑ์ตัวนี้ก่อน เพราะที่จริงแล้วประกันชีวิต เป็นผลิตภัณฑ์การเงินที่จำเป็น และเป็นผลิตภัณฑ์การเงินสำหรับการบริหารความเสี่ยง กรณีมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นแต่ก็ยังมีบางคนที่มีทัศนคติลบกับประกันชีวิต
 
แม้ปัจจุบันคนไทยรู้จักผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตกันเป็นอย่างดีแต่มีประเด็นหนึ่งที่ยังมีข้อสงสัยกันอยู่ คือ การเวนคืนกรมธรรม์ โดยคำถามหลักคงหนีไม่พ้น “การเวนคืนมีประโยชน์หรือเสียประโยชน์”
 
คุณควรมาดูในส่วนของ “ข้อดี” กันก่อน
กรณีซื้อประกันชีวิตผิดแบบตั้งแต่ต้น เพราะส่วนใหญ่คนไทยจะซื้อประกันชีวิตเพราะถูกขายมากกว่าอยากซื้อ หลายคนจึงซื้อประกันชีวิตด้วยความเกรงใจ ไม่มีความรู้ความเข้าใจในกรมธรรม์ที่ซื้อ การเวนคืนกรมธรรม์เดิมเพื่อซื้อกรมธรรม์ที่เหมาะสมก็เหมือนการเริ่มต้นใหม่
 
กรณีที่กรมธรรม์เดิมไม่ได้ตอบโจทย์ความต้องการ เช่น เดิมซื้อกรมธรรม์ที่ทุนประกันสูงๆ เนื่องจากมีภาระความรับผิดชอบมาก เช่น มีภาระหนี้สินสูง แต่ปัจจุบันภาระความรับผิดชอบลดลงหรือหนี้สินไม่มีแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องแบกภาระการจ่ายเบี้ยประกันสูงๆ เพื่อทุนประกันสูงอีกต่อไป

“การเวนคืนกรมธรรม์ เพื่อลดภาระหรือมองหาช่องทางการออมเงินใหม่ที่ดีกว่า ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี”
กรณีที่กรมธรรม์ใหม่ให้ประโยชน์มากกว่ากรมธรรม์เดิม การเลือกซื้อกรมธรรม์ก็เหมือนการตัดเสื้อผ้าที่ขนาด รูปแบบ สไตล์ เนื้อผ้า ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามยุค การเลือกเปลี่ยนกรมธรรม์แบบใหม่ที่เหมาะกับตัวเองน่าจะดีกว่า เช่น อยากซื้อประกันชีวิตที่คุ้มครองการศึกษาของลูก แต่เมื่อลูกเรียนหนังสือจบพ่อแม่ก็เข้าสู่วัยกลางคนหรือใกล้เกษียณ ควรเลือกซื้อประกันชีวิตแบบบำนาญ เพื่อสร้างกระแสเงินที่มั่นคงในยามเกษียณ
 
จัดเป็นการบริหารรายจ่าย เพราะภาระการจ่ายเบี้ยประกันชีวิตไม่ควรเกิน 10% ของเงินได้สุทธิหลังหักภาษี เนื่องจากประกันชีวิตเป็นสัญญาการออมเงินระยะยาวที่ต้องปฏิบัติตามสัญญา คือ ชำระเบี้ยในจำนวนและภายในเวลาที่กำหนด ดังนั้นหากรายได้ในอนาคตไม่แน่นอนแต่มีค่าใช้จ่ายสูง ดังนั้น หากมีภาระต้องจ่ายเบี้ยประกันชีวิตเยอะเกินไป อาจทำให้ไม่สามารถชำระเบี้ยได้จะเป็นผลเสียต่อแผนการบริหารความเสี่ยงหรือบริหารเงินออมคุณจึงควรเลือกจ่ายเบี้ยประกันในแบบประกันที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด และเวนคืนแบบประกันที่ไม่เหมาะสม
 
ขณะที่ด้าน “ข้อเสีย”
ถ้าจะเวนคืนกรมธรรม์ประกันชีวิต ควรเวนคืนหรือยกเลิกภายใน 15 วันหลังจากเซ็นรับเอกสารกรมธรรม์ประกันชีวิต ซึ่งกฎหมายให้สิทธิขอยกเลิกสัญญาและเวนคืนเงินประกัน โดยได้รับเงินที่ชำระไปคืน (มีค่าธรรมเนียมเล็กน้อย)แต่หากเลย 15 วันไปแล้ว ก็จะได้มูลค่าเงินสดหรือเรียกว่า มูลค่าเงินเวนคืน โดยทั่วไปจะน้อยกว่าเบี้ยที่จ่ายไป ดังนั้นถ้าอยากรู้ว่ากรมธรรม์ที่ซื้อแต่ละปีมีมูลค่าเงินสดอยู่เท่าไหร่ สามารถดูได้จากตารางมูลค่ากรมธรรม์ประกันภัยในกรมธรรม์ประกันชีวิต
 
เมื่อคุณอายุมากขึ้น การซื้อประกันชีวิตใหม่ในแบบเดียวกันก็ต้องจ่ายเบี้ยประกันแพงขึ้น เพราะเบี้ยประกันชีวิตส่วนใหญ่จะเป็นอัตราคงที่ คือ ปีแรกจ่ายเบี้ยเท่าไหร่ก็จ่ายเท่ากันตลอดอายุกรมธรรม์ ดังนั้นไม่ใช่จ่ายเบี้ยแพงกว่าเดิมแค่ปีเดียว แต่หากซื้อประกันคนละแบบกับของเดิมที่เวนคืน จึงไม่แน่เสมอไปว่าเบี้ยจะแพงขึ้น
 
หากเวลาทำประกันชีวิตใหม่ถ้าคุณมีปัญหาสุขภาพ บริษัทประกันชีวิตก็อาจไม่รับหรือถ้ารับก็เพิ่มเบี้ยหรือยกเว้นไม่คุ้มครองความเสียหายจากโรคที่เป็นอยู่ ขณะที่ประกันชีวิตตัวเดิมให้ความคุ้มครองทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่มีข้อยกเว้น
 
ดังนั้นก่อนคุณจะเวนคืนกรมธรรม์ คุณควรต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียดว่าคุ้มค่าหรือไม่ ประกันใหม่ที่จะซื้อมีความเหมาะสมกว่าประกันเดิมหรือไม่ ทุนประกันเพียงพอกับความต้องการหรือไม่ จ่ายเบี้ยประกันได้หรือไม่ ระยะเวลาความคุ้มครองเหมาะสมแค่ไหน และควรตรวจสุขภาพตามที่บริษัทประกันแนะนำ เพื่อจะได้รู้ว่าได้รับความคุ้มครองเต็ม 100% หรือมีข้อยกเว้นอะไรบ้าง

ที่สำคัญที่สุด หากคุณพิจารณาแล้วการเวนคืนไม่คุ้มค่าคุณก็ควรอยู่กับกรมธรรม์เดิมต่อไป
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 02 มี.ค. 2563 เวลา : 13:30:52
09-06-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ June 9, 2025, 3:32 pm