ขณะนี้บริษัทจดทะเบียน (บจ.) แจ้งงบการเงินงวดปี 2562 ใกล้จบแล้ว ซึ่งล่าสุดบริษัทจดทะเบียนแจ้งงบแล้วคิดเป็น 93% ของมาร์เก็ตแคปรวมของตลาด โดยมีกำไรรวม 9.0 แสนล้านบาท ลดลง 7% จากปี 2561 ซึ่งถือว่าเรียกกำไรที่ออกมาไม่ค่อยดีนัก
ขณะเดียวกันมาพิจารณาดูแนวโน้มกำไรในปี 2563 กันบ้าง ฝ่ายวิจัย ลบ.เอเซีย พลัส หรือ ASPS ซึ่งประเมินเบื้องต้นไว้ว่า บจ.จะมีกำไรรวม 9.03 แสนล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น(EPS) ที่ 86.73 บาทต่อหุ้น เทียบกับ EPS ปี 2562 ที่ประเมินไว้ 89.6 แสนล้านบาท (ลดลง 3.2% yoy) ประมาณการ EPS ปี 2563 ที่ 86.73 บาทต่อหุ้นดังกล่าว ลดลงจากประมาณการเดิมที่เคยทำไว้ที่ 95.7 บาทต่อหุ้นหรือลดลงราว 9.4% นั่นเอง
ฝ่ายวิจัยฯประเมินว่าผลประกอบการของบจ.ในปีนี้ถูกกดดันจากกลุ่มปิโตรเคมีจากการที่ Spread ปิโตรเคมีที่อยู่ในระดับต่ำ, กลุ่มแบงก์พาณิชย์ถูกกดดันจากดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์บวกกับเศรษฐกิจที่ชะลอ จึงมีความเสี่ยงที่อาจมีการลดดอกเบี้ยอีกในช่วงที่เหลือของปีนี้ กลุ่ม ICT มีต้นทุนจากการประมูลคลื่น 5G ที่เพิ่มขึ้น, กลุ่มการบินและท่องเที่ยวยังมีความเสี่ยงจากโรคระบาด COVID-19 หากยืดเยื้อ เป็นต้น
ด้วยความกังวลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจที่มีโอกาสชะลอลงจากทุกๆองค์ประกอบและประเด็น COVID-19 ถือเป็นความเสี่ยงซึ่งอาจนำไปสู่การปรับลดประมาณการกำไรบจ.ต่อจากนี้อีก และประมาณการกำไรที่ลดลง ถือเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงของตลาดหุ้นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตามหาก วิเคราะห์ Valuation ปัจจุบัน ภายใต้คาดการณ์ EPS ปี 2563 ในระดับ 86.73 บาทต่อหุ้น พบว่า SET Index ซื้อขายบน P/E 15- 16 เท่า Dividend Yield เกือบ 4% ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจแม้ไม่มี Fund Flow หนุนและคาดว่ายังมีโอกาสฟื้นได้เร็วขึ้นเหมือนอดีต หากเหตุการณ์ต่างๆผ่อนคลายลง รวมถึงเวลาเกิดผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ผิดปกติมีโอกาสที่กนง.จะใช้มาตรการทางการเงินผ่อนคลายต่อเนื่อง ช่วยหนุน SET Index อีกแรง
กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้จึงให้ทยอยสะสมหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีเข้าพอร์ต สำหรับหุ้น Top Picks วันนี้ลือก INTUCH และ CPALL
ข่าวเด่น