หุ้นทอง
ลุ้นหุ้นไม่หลุดต่ำกว่า1,362-1,351 จุด มีโอกาสแตะ 1,730 และ1,850ดอลล์


ดัชนีมีการกระโดดเปิด GAP ขึ้นไปในวันพฤหัสบดี (5 มี.ค.) ก่อนจะกระโดดเปิด GAP กลับลงมาในวันศุกร์ (6 มี.ค.) เกิดรูปแบบ Island มีโอกาสที่ดัชนีจะซึมลงต่อเนื่อง โดยมีแนวต้านแถวๆ เส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันที่ 1,374-1,375 จุด หากดัชนีประคองตัวยืนปิดเหนือระดับดังกล่าวไม่ได้เป็นอย่างน้อย โอกาสที่ดัชนีซึมลงจะเป็นต่อทันที

โดยมีเป้าหมายการลงสั้นๆแถวๆ 1,362-1,351 จุด หากหลุดหรือปิดต่ำกว่าแถวๆนี้ค่อยมองลงไปแถวๆจุดต่ำสุดเดิมในรอบสัปดาห์ที่ 1,317 จุดอีกครั้ง ในทางกลับกันหากดัชนีประคองตัวยืนปิดเหนือสองเส้นค่าเฉลี่ยดังกล่าวได้ค่อยลุ้นดีดกลับขึ้นปิด GAP ที่ 1,390 จุดต่อไป
 
 

 
 
 
ส่วนหุ้นที่น่าจับตามองในสัปดาห์นี้ ได้แก่ KIAT ซึ่งมีแนวรับ 0.33 บาท ขณะที่แนวต้าน 0.35-0.37 บาท โดยระดับราคามีการดีดกลับขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิมในรอบ 2 สัปดาห์ พร้อมวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นพอสมควรต่อเนื่อง 2 วันแล้ว ในขณะที่ MACD เริ่มปรับตัวขึ้นและพร้อมจะไปต่อ หากวันนี้ (9มี.ค.) ระดับราคาดีดกลับผ่านแนวต้านระยะสั้นเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 0.35 บาทได้จะเป็นการทำ New high ในรอบ 6 สัปดาห์ และมีโอกาสขึ้นต่อแถวๆ 0.37 บาทได้ต่อไป

ด้าน AU มีแนวรับ 7.20 บาท ส่วนแนวต้าน 7.55 , 7.90 บาท โดยระดับราคาสามารถประคองตัวปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันได้หลังจากถูกขายทำกำไรระยะสั้นลงมาเล็กน้อยในวันก่อนหน้า หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยดังกล่าวแถวๆ 7.20 บาทซะก่อน ระดับราคาน่าจะได้ลุ้นดีดกลับผ่าน 7.55 บาทขึ้นทำ New high และปิด GAP แถวๆ 7.90 บาทต่อไป

ด้านหุ้น BJCHI มีแนวรับ 1.87 บาท และมีแนวต้าน 1.91-1.96 , 1.99-2.02 บาท ระดับราคามีการปรับตัวขึ้นทำ New high ในรอบสัปดาห์ โดยสามารถประคองตัวปิดได้ในระดับสูงของวันพร้อมวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นมาก ประกอบกับ MACD ที่ไม่หลุดลงไปต่ำกว่าศูนย์ หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาปิดต่ำกว่าแถวๆ 1.87 บาทอีก ระดับราคาน่าจะได้ลุ้นดีดกลับขึ้นผ่าน 1.91 บาทขึ้นไปทดสอบ 1.96 บาทต่อไป

ส่วนบรรยากาศการลงทุนในตลาดทองคำสัปดาห์ที่ผ่าน เมื่อถึงเวลา 8.00 น.วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2563 โดยราคาทองคำล่าสุดอยู่ที่ 1,674.46 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเมื่อสัปดาห์ก่อนอยู่บริเวณ 1,585.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เท่ากับเปลี่ยนแปลงปรับขึ้นถึง 89.06 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับปัจจัยบวกจากการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยก่อนการประชุมเดือนมีนาคมถึง 0.50% เพราะกังวลกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ที่เริ่มระบาดมากขึ้นในสหรัฐและประเทศอื่นๆนอกประเทศจีน

ส่วนราคาทองคำโลกสัปดาห์ที่แล้วปรับขึ้นต่อเนื่อง โดยทำจุดต่ำสุดและสูงสุดไว้ที่ 1,575.51-1,674.96 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งช่วงต้นสัปดาห์ราคาทองคำปรับขึ้นแรงทันทีจากการที่เฟดหรือธนาคารกลางสหรัฐปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวดเดียว 0.50% ซึ่งเฟดเคยทำแบบนี้ เฉพาะตอนหลังเกิดวิกฤตซัพไพร์มเมื่อปี 2551 หรือ 12 ปีกว่าที่แล้ว ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าแม้กระทั่งเฟดเองก็ยังมองว่าผลกระทบจากการแพร่ของไวรัสโควิด 19 นั้นจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐและโลกอย่างมาก

แม้ในช่วงกลางสัปดาห์สินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นสหรัฐจะดีดตัวแรงบ้างจากตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนสถาบัน ADP ที่ออกมาดีกว่าคาด และคาดว่าเฟดกล้าตัดสินใจลดดอกเบี้ยได้ไวจะช่วยพยุงเศรษฐกิจไม่ให้ชะลอเร็วมากนักก็ตาม แต่ในช่วงปลายสัปดาห์สินทรัพย์เสี่ยงก็กลับมาปรับลดใหม่อีกครั้งหลังพบผู้ติดเชื้อในสหรัฐและทวีปยุโรปมากขึ้นในอัตราที่เร็วกว่าก่อนหน้านี้ ส่งผลให้แรงซื้อในทองคำในฐานะสินทรัพย์ ปลอดภัยกลับมาอีกครั้ง

สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมากลับมาอ่อนค่าเล็กน้อยราว 0.045 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งล่าสุดอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ที่ 31.550 บาทต่อดอลลาร์ จากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 31.510 บาทต่อดอลลาร์ โดยระหว่างสัปดาห์แกว่งตัวในกรอบ 31.250-31.640 ซึ่งยังได้รับผลกระทบจากภาคเศรษฐกิจไทยที่อาจได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด19 ที่ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวลดตัวอย่างมาก
 
สำหรับนักลงทุนระยะสั้น ยังแนะนำให้ถือทองคำต่อ หลังซื้อมาบริเวณ 1,545-1,550 ดอลลาร์ต่อออนซ์รอบที่ผ่านมา ถึงแม้จะขึ้นมาถึงเป้าหมาย 1,590 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ไปแล้วก็ตามแต่การปรับขึ้นยังแรงอยู่ หากขายทำกำไรไปแล้ว แนะนำให้รอจังหวะซื้อกลับบริเวณ 1,625-1,645 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือใกล้เคียง แต่หากต่ำกว่า 1,625 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ตัดขาดทุนทันที เป้าหมายระยะสั้นอยู่ 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สำหรับนักลงทุนระยะยาว ยังแนะนำถือทองคำต่อไป เป้าหมายปีนี้อยู่บริเวณ 1,659-1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ที่เคยให้ไว้เมื่อปลายปีที่ผ่านมานั้นถึงแล้ว แต่ยังมีโอกาสพุ่งสูงกว่าเป้าหมายอื่นถัดไปเช่นกัน โดยเป้าหมายถัดไปจะอยู่ 1,730 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และ 1,850 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ ไม่ใช่เพียงไวรัสโคโรน่า19 หรือความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและอิหร่าน ที่ทำให้ทองคำน่าสนใจ นโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำแต่เศรษฐกิจในหลายประเทศหลักๆยังไม่ฟื้นตัวได้ดี และน่าจะได้รับผลกระทบต่อแรงซื้อและกำลังการผลิตสินค้าของประเทศจีนที่ขาดหายไปในปีนี้

ทองคำจึงยังเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนควรลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากตราสารทางการเงินหรือสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 09 มี.ค. 2563 เวลา : 08:59:04
29-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 29, 2024, 3:02 am