หุ้นทอง
ราคาน้ำมันโลกดิ่ง 2หุ้นใหญ่"PTTEP-PTT" ราคาเป้าไหมแตะระดับไหน


สถานการณ์น้ำมันดิบในตลาดโลกวันนี้จำเป็นต้องหันกลับมาทบทวนคาดการณ์ราคากันใหม่ หลังจากการประชุมโอเปกและพันธมิตร ซึ่งนำโดยรัสเซียล้มเหลวลงอย่างไม่เป็นท่า ผลการประชุมที่ออกมา ผิดความคาดหมายของตลาดที่มีก่อนการประชุมอย่างสิ้นเชิง


 
 
 
ดังนั้นในสถานการณ์เช่นนี้ ทำให้ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส หรือ ASPS ต้องทบทวนสมมติฐานราคาน้ำมันดิบกันใหม่พร้อมทั้งปรับลดสมมติฐานราคาน้ำมันดิบลงโดยราคาน้ำมันดิบอ้างอิงดูไบ เมื่อวันที่ 9 มี.ค.2563 ที่ผ่านมา ปรับตัวลงอย่างมีนัยสำคัญกว่า 33% จากวันศุกร์ที่ 6 มี.ค.2563 มาอยู่ที่ 33.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลและล่าสุดวันนี้ (10 มี.ค.) เปิดตลาดมา ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ราว 35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

การปรับตัวลงของราคาน้ำมันดังกล่าวเป็นผลกลุ่มโอเปกและพันธมิตรนำโดยรัสเซียล้มเหลวในการทำข้อตกลงปรับลดการผลิตน้ำมันในการประชุมกลุ่มฯเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
 
 
 
 
โอเปกเสนอให้ปรับลดการผลิตน้ำมันลง 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวันตั้งแต่เดือนเม.ย. -สิ้นปี 2563 แต่รัสเซียไม่เห็นด้วย ทำให้ซาอุดิอาระเบียประกาศทำสงครามราคาน้ำมัน ด้วยการประกาศลดราคาขายน้ำมันดิบทุกเกรดที่ส่งให้ลูกค้าทุกประเทศ รวมถึงมีแผนปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันให้มากกว่าปัจจุบันที่ผลิต 10 ล้านบาร์เรล โดยอาจผลิตขึ้นไปที่ 12 ล้านบาร์เรล ในสิ้นปี 2563 ซึ่งประเด็นดังกล่าวจะส่งผลให้ปัญหา oversupply ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจนกว่าจะมีมาตรการใหม่ของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันออกมา

แม้ผลกระทบของสงครามการค้าที่เกิดขึ้นมาตั้ง แต่ช่วงปลายปี 2561 ต่อเนื่องทั้งปี 2562 จะเริ่มเห็นการคลี่คลายลงบ้างช่วงต้นปี 2563 แต่ก็ยังไม่เห็นผลบวกที่จะช่วยให้ความต้องการใช้ผลิตภันฑ์ปิโตรเลียมกลับมาเพิ่มขึ้น

ขณะที่มาเจอปัญหาแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เริ่มรุนแรงขึ้น สะท้อนจากผู้ติดเชื้อมากกว่า 1 แสนคนทั่วโลก และยังอาจยืดเยื้อ กระทบเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมัน เห็นได้จากล่าสุด IEA ปรับลดคาดการณ์ demand น้ำมันโลกปี 2563 ลงเกือบ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน มาที่ราว 100 ล้านบาร์เรลต่อวัน ใกล้เคียงปี 2562 ส่งผลให้การ oversupply น้ำมันดิบยิ่งเพิ่มขึ้น ผลกระทบทั้ง Supply ที่เพิ่มขึ้นและความต้องการใช้น้ำมันที่ชะลอตัว ยิ่งทำให้ปัญหา oversupply รุนแรงมากขึ้น กดดันราคาน้ำมันให้ปรับลงอย่างมีนัยสำคัญ คาดว่าทิศทางราคาน้ำมันจะมีรูปแบบการปรับตัวลงเหมือนช่วงวิกฤตในอดีต เช่น วิกฤตต้มยำกุ้ง, subprime และ shale oil/gas เป็นต้น

 
 
 
ตั้งแต่เดือนก.ย. 2561ถึงปัจจุบันคือเดือนมี.ค.2563 ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแล้วกว่า 60% ฝ่ายวิจัยฯจึงได้ปรับลดสมมติฐานราคาน้ำมันดิบอ้างอิงดูไบปี 2563 และปี 2564 มาที่ 40 และ 45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจากเดิม 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่งผลให้ประมาณการกำไรปี 2563และ 64 ของ PTTEP ลดลง 34.8% และ 33.5% จากเดิม มาอยู่ที่ 3.0 และ 3.2 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ ส่วน PTT ลดลง 29.4% และ 27.8% จากเดิม มาอยู่ที่ 6.2 และ 6.8 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ

 
 
 
 
ฝ่ายวิจัยฯยังคงให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มปิโตรเลียม “เท่าตลาด” ในภาพระยะยาวและภายใต้ประมาณการใหม่ มูลค่าพื้นฐานปี 2563 ของ PTTEP อยู่ที่ 110 บาทต่อหุ้น ลดลงจากเดิมที่ 170 บาท และ PTT อยู่ที่ 42 บาทต่อหุ้น จากเดิม 55 บาทต่อหุ้น ซึ่งยังมี upside ในระดับที่ดีกว่า 30% จึงแนะนำให้รอจังหวะเข้าลงทุน

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 10 มี.ค. 2563 เวลา : 14:25:15
29-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 29, 2024, 2:52 am