บล.โกลเบล็กประเมินหุ้นไทยยังผันผวนต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น และล่าสุดเฟดประกาศลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินลงสู่ระดับ 0.00 - 0.25% เป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย แม้รัฐบาลภายในประเทศพยายามเร่งหามาตรการพยุงความเชื่อมั่นอย่างเร่งด่วนก็ยังไม่เกิดผล จึงให้กรอบดัชนี 970-1,100 จุด แนะกลยุทธ์สะสมหุ้นค้าปลีก ชู MAKRO-BJC-CPALL ส่วนราคาทองคำยังแกว่งตัวในกรอบ 1,480-1,550 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ เหตุนักลงทุนหันมาถือเงินสดแทน และทยอยขายทำกำไรทองออกมาต่อเนื่อง
นางสาว วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวนในทิศทางขาลง โดยนักลงทุนวิตกกังวลว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในโซนยุโรปและอเมริกา มีหลายประเทศประกาศภาวะฉุกเฉิน สำหรับในประเทศไทยมีรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นแบบเป็นกลุ่มและต่างจับตาว่าอาจมีประกาศว่าการระบาดเข้าสู่ระยะที่ 3 ในเร็ว ๆ นี้ และหากมีการแพร่ระบาดมากขึ้นจะกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจโลกมากกว่าคาด ภายหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินลงสู่ระดับ 0.00 - 0.25% เทียบเท่ากับอัตราดอกเบี้ยในช่วงวิกฤตปี 2008 พร้อมกับอัดฉีด QE วงเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐและทั่วโลกอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย จึงให้กรอบดัชนีแกว่งตัวในระดับ 970-1,100 จุด
นอกจากนี้ยังคงต้องจับตาการประกาศตัวเลขความเชื่อมั่นของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ขณะเดียวกันทาง อียู เปิดเผยดุลการค้าเดือนม.ค. ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ. และ สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้าง และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ ส่วนวันที่ 19 มี.ค. สหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีการผลิตเดือนมี.ค. และดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 4/2562 และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.พ. และวันที่ 20 มี.ค. จีนเปิดเผยธนาคารกลางจีนกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR ประจำเดือนมี.ค. ซึ่งจะบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจมีการเติบโตไปในทิศทางใด
“สำหรับสถานการณ์ด้านบวกไม่ว่าจะเป็นการประชุม ครม.เศรษฐกิจครั้งต่อไปเตรียมพิจารณาออกมาตรการเพิ่มเติมเน้นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แพร่ระบาดในระยะยาว เช่น ธุรกิจสายการบินธุรกิจโลจิสติกส์ หรือหน่วยงานทั้งในตลาดเงิน-ตลาดทุนเร่งระดมมาตรการเสริมเพื่อลดความผันผวนและเสริมสภาพคล่อง อาทิ ก.ล.ต.เร่งออกเกณฑ์กองทุนรวมเพื่อการออม (SSP) กองพิเศษสำหรับลงทุนระหว่างเดือนเม.ย. – มิ.ย. ตลท.ปรับเกณฑ์ขายชอร์ตชั่วคราวจนถึงเดือนมิ.ย. สนับสนุนบริษัทจดทะเบียนซื้อหุ้นคืน มองว่ายังคงต้องใช้เวลาในการดำเนินการ ซึ่งไม่อาจจะเห็นผลได้ในเร็วๆนี้”
ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้น นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก แนะนำว่าทยอยสะสมหุ้นที่หุ้นที่ได้ประโยชน์หากประกาศแพร่ระบาดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้น เช่น MAKRO, BJC และ CPALL รองลงมาหุ้น High Dividend Yield เช่น KKP, TISCO และ INTUCH และแนะนำเก็งกำไรหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการคาดการณ์ กนง. ลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยลดต้นทุนการเงิน เช่น BAM, MTC, BFIT และAMANAH
ส่วนราคาทองคำ นายณัฐวุฒิ คาดว่าราคาทองคำในสัปดาห์นี้ถูกกดดันจากแรงขายในทุกสินทรัพย์เนื่องจากนักลงทุนต้องการถือเงินสดในช่วงเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ แม้ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 1% ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ก็ตามแต่ราคาทองคำกลับตอบสนองเชิงบวกเพียง 1-2% ซึ่งต่างจากครั้งก่อนๆ เป็นสัญญาณของการจบรอบในราคาทองคำ นอกจากนี้กองทุน SPDR เริ่มทยอยขายต่อเนื่องกว่า 32 ตันจากที่ก่อนหน้านี้มีการเข้าซื้ออย่างต่อเนื่องกว่า 68 ตัน มองกรอบราคาทองคำในสัปดาห์นี้ที่ 1,480-1,550 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือเท่ากับ 22,500-23,670 บาทต่อบาททองคำ
ข่าวเด่น