ความกังวลต่อเรื่อง COVID-19 ยังคงสร้างความปั่นป่วนให้ตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดหุ้น สหรัฐ เพราะล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา DowJones ปรับฐานเกือบ 3,000 จุด หรือลดลง 13% ภายในวันเดียว มากสุดในรอบ 33 ปี และหากดูผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 2563 ของตลาดหุ้นสำคัญของโลกส่วนใหญ่ปรับฐานแรงทั้งสิ้น
ทั้งนี้ บล.เอเซีย พลัส หรือASP ระบุว่า หุ้นไทยเองก็ปรับฐานแรง 33.8% นับจากต้นปีมากสุดเป็นอันดับที่ 16 จาก 94 ตลาดหุ้นทั่วโลก (ข้อมูลจาก Bloomberg) การปรับฐานเร็วและแรงจากปัจจัยลบต่างๆ รวมถึงมีนวัตกรรมทางการซื้อขายที่มากขึ้น เช่น Block Trade, Robot Trade, AI รวมถึงการ Short Sell สร้างความผันผวนให้ตลาดหุ้นไทยมากขึ้น
ส่งผลให้บริษัทจดทะเบียน(บจ.)ทยอยประกาศซื้อหุ้นคืน เพื่อบรรเทาความผันผวนตั้งแต่ต้นปี 2563มีบจ.ประกาศซื้อหุ้นคืนกว่า 28 บริษัท โดยหากตลาดยังปรับฐานแรงอยู่และหากยังไม่มีมาตการที่ชัดเจนมาช่วยสนับสนุน เชื่อว่าจะมี บจ.ทยอยประกาศซื้อหุ้นคืนเพิ่มขึ้น เพื่อบรรเทาความผันผวนให้ราคาหุ้นบริษัทตัวเอง
แม้ตลาดหุ้นโลกจะปรับฐานแรงในช่วงที่ผ่านมาแต่ฝ่ายวิจัย ASP เห็นว่ายังมีความเสี่ยงที่จะปรับฐานได้อีก จาก 2 ปัจจัยหลักๆ ได้แก่ จากการปรับลดประมาณการกำไร เพราะหากไปดู Valuation ตลาดหุ้นทั่วโลกตอนนี้ พบว่า ซื้อขายกันบน P/E ปี 2563 ที่ 11-12 เท่า ต่ำมากกว่าปกติที่ 15-16 เท่า แสดงว่านักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ปรับประมาณการกำไรบจ. เพื่อสะท้อน COVID-19 เท่าที่ควร
ขณะที่ฝ่ายวิจัยฯได้นำร่องปรับกำไรสุทธิต่อหุ้น(EPS) ปี 2563 เพื่อสะท้อนภาพตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดคาดการณ์ EPS ปี 2563 อยู่ที่ 79.62 บาทต่อหุ้นแต่ยังมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลดลงอีก และนักลงทุนต่างชาติยังลังเลที่จะลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง โดย Fund Flow ยังไหลออกจากตลาดหุ้นทุกแห่งในภูมิภาคกว่า 2.6 หมื่นล้านเหรียญ
ขณะที่หุ้นไทยถูกต่างชาติขายสุทธิ 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 8.3 หมื่นล้านบาท (ytd) และยังมีเงินไหลออกจากตลาดตราสารหนี้กว่า 6.6 หมื่นล้านบาท (ytd) กดดันค่าเงินบาทอ่อนค่า 6.5% (ytd) อยู่ที่ 32.12 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ดังนั้นการลงทุนในช่วงนี้จึงต้องระมัดระวังมากกว่าปกติ ส่วน Top pick วันนี้เลือก หุ้นปันผลสูงมีเกราะป้องกัน COVID-19 อย่าง INTUCH และหุ้นได้ประโยชน์บาทอ่อนค่า ผลประกอบการเด่น คือ CPF
ข่าวเด่น