การสั่งปิดห้างสรรพสินค้าทั่วเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ยกเว้นให้เปิดเฉพาะโซนซุปเปอร์มาร์เกต ร้านยาและร้านอาหารที่ซื้อกลับบ้าน ส่วนตลาดสดให้ปิดเช่นกัน ยกเว้นของสดของแห้งที่ให้ขายได้ระหว่างวันที่ 22 มี.ค.-12 เม.ย.2563 รวม 22 วัน เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของ COVID-19
มาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการค้าปลีกที่ไม่ได้จำหน่ายสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน ได้แก่ HMPRO, ILM, BEAUTY และ COM7 ซึ่งในเบื้องต้น ฝ่ายวิจัย ASP ประเมินว่าผู้ประกอบการเหล่านี้ต้องปิดสาขาในพื้นที่ดังกล่าว ราว 36 สาขา, 19 สาขา , 127 สาขา และ 227 สาขา จากที่มีทั้งหมด 113 สาขา, 37 สาขา, 318 สาขา และ 757 สาขา ตามลำดับ
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส หรือ ASP จึงต้องทบทวนสมมติฐานใหม่จากคาดการณ์ผลกระทบดังกล่าว ได้แก่ กำหนดยอดขายสาขาเดิมของสาขาและรายได้จากพื้นที่เช่าในพื้นที่ดังกล่าว ลดลงจากประมาณการเดิม 1 เดือน โดยให้ COM7 ที่มีช่องทางออนไลน์พร้อมที่สุดและผลบวกสินค้าไอทีที่กำลังเป็นที่ต้องการจากกระแส Work from Home หนุนยอดขายจากช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นจากฐานต่ำ 100%
ปัจจัยลบเฉพาะตัวของ ILM ในเรื่องจำนวนสาขาใหม่เดิมตํ่ากว่าคาดและการปิดสาขาเดิม BEAUTY ที่มากกว่าแผนเดิมและการขายต่างประเทศที่แย่กว่าคาด ทำให้ได้กำไรของ HMPRO, ILM, BEAUTY และ COM7 ลดลงจากเดิม 4.3%, 5.9%, 22.5% และ 2.5% ตามลำดับ
โดยรวมแล้วคิดเป็นผลกระทบต่อกำไรกลุ่มค้าปลีกไม่มากราว 0.9% แต่ภาพรวมระยะสั้นให้หลีกเลี่ยงการลงทุนหุ้นดังกล่าวไปก่อน ส่วน CRC ฝ่ายวิจัยฯกำลังจัดทำบทวิเคราะห์
ขณะที่ภายหลังการปรับปรุงประมาณการในทางพื้นฐานจะยังคงคำแนะนำ ซื้อ HMPRO และ COM7
ทั้งนี้ในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว ทุกๆ 1 เดือนหากมาตรการขยายออกไปจะกระทบกำไรและมูลค่าพื้นฐานดังตารางที่สรุปไว้
สำหรับตัวเลือกการลงทุนที่แนะนำในกลุ่มค้าปลีก เป็นผู้จำหน่ายสินค้าจำเป็นที่น่าจะได้ประโยชน์ชัดเจน คือ CPALL ในทางพื้นฐานยังแนะนำ ซื้อ
รวมทั้งแนะให้เก็งกำไร MAKRO ที่ยังมีราคาต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน ส่วน BJC ฝ่ายวิจัยฯแนะนำ Switch เนื่องจากราคาหุ้นสูงเกินพื้นฐาน
ข่าวเด่น