ดัชนีมีความพยายามดีดกลับขึ้นต่อเนื่องทำ New high วันต่อวันแต่ไม่สามารถขยับผ่านขึ้นทำ New high ในรอบสัปดาห์ที่ระดับ 1,133 จุดได้ จึงเกิดเป็นแรงขายทำกำไรออกมาเล็กน้อย จึงกดให้ดัชนีอ่อนตัวลงมาปิดต่ำ
ประกอบกับในช่วงบ่ายมีอัพเดทสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ออกมาเพิ่มเติม ดังนั้นวันนี้ (30 มี.ค.)หากดัชนีอ่อนตัวกลับลงมาแถวๆ แนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน ที่ 1,079-1,067 จุด น่าซื้อเพิ่มลุ้นดีดกลับต่อได้แถวๆจุดสูงสุดเดิมที่ 1,133 จุด แต่ถ้าดัชนีประคองตัวปิดเหนือ 2 เส้นดังกล่าวไม่ได้หรือหลุดระดับ 1,060 จุดลงมา ดัชนีน่าจะซึมลงต่อแถวๆ 1,038-1,022 จุดอีกครั้ง
ส่วนหุ้นที่น่าจับตามองในสัปดาห์นี้ ได้แก่ หุ้น COM7 โดยมีแนวรับ 14.50-14.40 บาท และมีแนวต้าน 15.60-16.00 บาท โดยระดับราคามีการดีดกลับขึ้นมายืนปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันได้เป็นครั้งแรก หลังจากปรับตัวลงต่อเนื่องติดต่อกันมากกว่าสัปดาห์ โดยในระหว่างวัน ขยับขึ้นไปแถวๆเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันแต่ไม่ผ่าน แม้จะถูกขายลงมาเล็กน้อย แต่ยังประคองตัวปิดสูงได้ หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 14.50-14.40 บาทซะก่อน ระดับราคายังมีโอกาสดีดกลับขึ้นต่อได้แถวๆ 15.60-16.00 บาทต่อไป
ส่วนหุ้น AU นั้น มีแนวรับ 6.60 บาท แนวต้าน 6.85-6.95 , 7.60-7.65 บาท ระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นมาทำ New high ในรอบสัปดาห์ได้แล้ว แม้ว่าจะปิดทำ New high ไม่ได้แต่ยังประคองตัวปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันได้ ในขณะที่วอลุ่มซื้อขายเพิ่มสูงขึ้นและ MACD ใกล้จะพ้นระดับศูนย์ หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่า 6.60 บาทซะก่อนหรือเต็มที่ไม่หลุดเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันที่ 6.40 บาท ระดับราคาน่าจะได้ลุ้นขึ้นต่อแถวๆ 6.85-6.95 บาทและ 7.60-7.65 บาทต่อไป
และหุ้น M ซึ่งแนวรับ 44.50-44.00 บาท แนวต้าน 46.75 , 51.50-52.00 บาท โดยระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นมาปิด GAP ที่เปิดเอาไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ที่ระดับ 44.50 บาท อีกทั้งยังมีวอลุ่มซื้อขายเพิ่มสูงขึ้นมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไวรัสโควิด-19 ระบาด ทำให้ผู้คนหันมาสั่งอาหารออนไลน์มากขึ้น หากวันนี้ระดับราคาอ่อนตัวกลับลงมาแถวๆ 44.50-44.00 บาทอีก น่าซื้อเพิ่ม ลุ้นดีดกลับขึ้นผ่าน 46.75 บาทขึ้นทำ New high ต่อแถวๆ 51.50-52.00 บาทต่อไป
ด้านบรรยากาศการลงทุนในตลาดทองคำนั้น ปรากฎว่าตลาดทองคำสัปดาห์ที่ผ่านเมื่อถึงเวลา 09.00 น วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2563 โดยราคาทองคำล่าสุดอยู่ที่ 1,622.22 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากเมื่อสัปดาห์ก่อนอยู่บริเวณ 1,498.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์เท่ากับเปลี่ยนแปลงปรับขึ้นถึง 123.52 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ดีดตัวขึ้นหลังจากติดลบมาสองสัปดาห์ก่อนหน้านี้ สาเหตุเพราะธนาคารกลางต่างๆทั่วโลกอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่โดนไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด
ส่วนราคาทองคำโลกสัปดาห์ที่แล้วเคลื่อนไหวทำจุดต่ำสุดและสูงสุดไว้ที่ 1,498.70-1,644.16 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากนั้นราคาย่อตัวเล็กน้อยในช่วงต้นสัปดาห์ ก่อนที่จะพุ่งขึ้นแรงหลังธนาคารกลางสหรัฐออกมาประกาศว่าจะมีการทำ QE (Quantitative Easing) อัดฉีดเงินซื้อพันธบัตรและสินทรัพย์แบบไม่จำกัดจำนวน เพื่อที่จะพยุงเศรษฐกิจสหรัฐที่กำลังได้รับผลกระทบของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เช่นเดียวกับธนาคารกลางประเทศอื่นๆที่พร้อมใจกันลดดอกเบี้ยหรืออัดฉีดเม็ดเงินเพิ่มสภาพคล่องเข้าในตลาด ไม่เว้นแม้แต่ธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ออกมาตรการพยุงเศรษฐกิจไทยเช่นกัน
อุตสาหกรรมทองคำโลกโดนกระทบจากไวรัสโควิด-19 เช่นกัน ดังนั้นจึงมีผลให้การซื้อขายนำเข้าส่งออกทองคำทำได้ยาก เพราะระบบขนส่งสายการบิน ได้ปิดเส้นทางการบินหลายเส้นทาง เช่นเดียวกับโรงหลอมทองคำใหญ่ๆหลายแห่งในต่างประเทศที่ปิดโรงงานหนีโควิด-19 ทำให้การตรวจสอบทองคำทำได้ยาก จึงทำให้สเปรดส่วนต่างของราคารับซื้อรับขายทองคำทั่วโลกห่างกันกว่าในภาวะปกติ อย่างประเทศไทยเองสเปรดซื้อขายทองคำแท่งปกติจะห่างกัน 100 บาทต่อบาททองคำ แต่ช่วงนี้ห่างกัน 200-300 บาทต่อบาททองคำ
สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมากลับมาแข็งค่าถึง 0.225 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งล่าสุดอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ที่ 32.485 บาทต่อดอลลาร์ จากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 32.710 บาทต่อดอลลาร์ โดยระหว่างสัปดาห์แกว่งตัวในกรอบ 32.460-33.045 ซึ่งยังได้รับผลกระทบจากประเทศไทยที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวนมากขึ้นก้าวกระโดดเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน
ดังนั้นคำแนะนำ สำหรับนักลงทุนระยะสั้นนั้น หากราคากลับมาเหนือ 1,560 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้เราต้องซื้อเก็งกำไรตามแผนที่วางไว้เมื่อครั้งก่อน เป้าหมาย 1,650 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งขึ้นมาถึงแค่ 1,622.22 ดอลลาร์ต่อออนซ์หากหลุดต่ำกว่า 1,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ให้ขายทำกำไรออกไปก่อน
ส่วนนักลงทุนระยะยาว ยังแนะนำถือทองคำต่อไป เป้าหมายปีนี้อยู่บริเวณ 1,650-1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ที่เคยให้ไว้เมื่อปลายปีที่ผ่านมานั้นถึงแล้ว แต่ยังมีโอกาสพุ่งสูงกว่าเป้าหมายอื่นถัดไปเช่นกัน
โดยเป้าหมายถัดไปจะอยู่ 1,730 และ 1,850 ดอลลาร์ต่อออนซ์ตามลำดับ ไม่ใช่เพียงไวรัสโควิด-19 เท่านั้นที่จะหนุนราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยแต่ความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลกในปีนี้มีโอกาสที่จะส่งผลกระทบต่อการผิดนัดชำระหนี้ของบรรดาหุ้นกู้ทั่วโลก ซึ่งอาจทำให้เงินทุนจำเป็นต้องไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง
ข่าวเด่น