ดัชนีหุ้นมีการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทำ New high ในรอบ 2-3 สัปดาห์ได้ อีกทั้งยังเป็นการ Break แนวต้านรูปแบบ TripleTop ได้อีกด้วย ทำให้การปรับตัวขึ้นรอบนี้มีนัยสำคัญ ส่วนหนึ่งได้ประเด็นเรื่องสหรัฐจะเจรจาระหว่างรัสเซียกับซาอุดิอาระเบีย เรื่องราคาน้ำมันดิบแต่รายละเอียดยังไม่ชัดเจนและยังมีเรื่องจีนซื้อน้ำมันเก็บเข้าคลังอีกส่วนหนึ่ง
ดังนั้นวันนี้ (7มี.ค.) หากดัชนีอ่อนตัวลงมาแต่ไม่หลุดปิดต่ำกว่าแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันแถวๆ 1,130-1,124 จุดเสียก่อน ยังน่าซื้อเพิ่มลุ้นดีดกลับขึ้นผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันที่ 1156 จุด โดยหวังขึ้นต่อได้แถวๆ 1,187-1,211 จุดต่อไปหรือปิด GAP ที่ 1,238 จุดได้ในช่วงสุดสัปดาห์
ส่วนหุ้นที่น่าจับตามองในสัปดาห์นี้ได้แก่ หุ้น CPF แนวรับ 25.00-24.80 บาท แนวต้าน 26.50 , 27.25 บาท ระดับราคามีการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องกว่า 3 สัปดาห์ จนกระทั่งทำ New high ในรอบเกือบ 1 เดือนอีกทั้งยังดันให้ MACD กำลังดีดกลับขึ้นยืนเหนือศูนย์ได้แล้ว พร้อมกับสัญญาณ Golden cross ที่กำลังจะเกิดขึ้นใน 1-2 วันนี้ ดังนั้นวันนี้หากระดับราคาอ่อนตัวกลับลงมาไม่หลุดปิดต่ำกว่าแถวๆ 25.00-24.80 บาทอีกน่าซื้อเพิ่ม ลุ้นดีดกลับขึ้นรอบใหม่ได้แถวๆ 26.50 บาทและ 27.25 บาทต่อไป
PTT แนวรับ 34.50 , 32.75 บาท แนวต้าน 36.75-37.50 , 40.50 บาท ระดับราคามีความพยายามปรับตัวขึ้นต่อทำ New high ในรอบสัปดาห์โดยได้ประเด็นการเจรจาของสหรัฐระหว่างรัสเซียและซาอุดิอาระเบียเป็นตัวช่วยสนับสนุนให้ราคาถีบตัวกลับขึ้นมาต่อเนื่องได้ แต่อาจจะแรงเกินไปในระยะสั้น ดังนั้นวันนี้หากระดับราคาอ่อนตัวกลับลงมาแถวๆ 34.50 บาทหรือเต็มที่ไม่หลุด 32.75 บาทซะก่อนน่าซื้อเพิ่ม ลุ้นดีดกลับขึ้นต่อได้แถวๆ 36.75-37.50 บาทต่อไป
MAKRO แนวรับ 33.00-32.75 บาท แนวต้าน 34.00-34.25 , 35.00 บาท ระดับราคาสามารถประคองตัวออกด้านข้างได้หลังจากดีดกลับขึ้นมาแรงในช่วงก่อนหน้า โดยระดับราคาเริ่มปรับตัวขึ้นรอบใหม่แบบช้าๆ โดยได้แรงหนุนจากสัญญาณ Golden cross หากวันนี้ระดับราคาอ่อนตัวไม่หลุดปิดต่ำกว่าแถวๆ 33.00-32.75 บาทเสียก่อน ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นต่อได้แถวๆ 34.00-34.25 บาท และ 35.50 บาทต่อไป
ส่วนด้านตลาดทองคำสัปดาห์ที่ผ่านเมื่อถึงเวลา 10.15 น. ในวันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2563 โดยราคาทองคำล่าสุดอยู่ที่ 1,612.81 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเมื่อสัปดาห์ก่อนอยู่บริเวณ 1,626.15 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เท่ากับเปลี่ยนแปลงปรับลง 123.52 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยระหว่างสัปดาห์มีการปรับตัวลงแรงจากดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าก่อนจะดีดตัวขึ้นแรงหลังราคาน้ำมันโลกพุ่งสูงขึ้นช่วงปลายสัปดาห์
ขณะที่ราคาทองคำโลกสัปดาห์ที่แล้วเคลื่อนไหวทำจุดต่ำสุดและสูงสุดไว้ที่ 1,568.71-1,634.31 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทั่วโลกยังเป็นประเด็นที่กระทบต่อทุกอุตสาหกรรมทั่วโลก ซึ่งจำนวนผู้ติดเชื้อของสหรัฐพุ่งแซงหน้าจำนวนผู้ติดเชื้อประเทศอื่นๆทั่วโลกไปแล้ว และทางประเทศฝั่งยุโรปก็ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น กดดันราคาทองคำปรับลดลง
ก่อนที่ปลายสัปดาห์ ประธานาธิบดีสหรัฐให้สัมภาษณ์กับสื่อในสหรัฐว่า ได้เจรจาตกลงกับทางผู้นำรัสเซียที่จะไม่เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันแล้วและมีการคุยกับทางเจ้าชายซาอุฯในประเด็นเดียวกันแล้วเช่นกัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวพุ่งขึ้นในวันเดียว 24% ส่งผลให้ราคาทองคำโลกดีดตัวขึ้นตามกลับมายืนเหนือ 1,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อีกครั้ง
สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาอ่อนค่า 0.275 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งล่าสุดอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ที่ 32.835 บาทต่อดอลลาร์ จากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 32.560 บาทต่อดอลลาร์ โดยระหว่างสัปดาห์แกว่งตัวในกรอบ 32.540-33.175 ซึ่งดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าต่อจากการระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก
ดังนั้นคำแนะนำ สำหรับนักลงทุนระยะสั้นนั้น ราคามีความผันผวนสูงและยังไม่แสดงถึงแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลงที่ชัดเจน (เป็นสภาวะตลาด Sideway) ซึ่งไม่เหมาะกับการเก็งกำไรระยะสั้นรอให้ราคายืนเหนือ 1,640 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ก่อนถึงจะกลับมาซื้อเก็งกำไรรอบใหม่
สำหรับนักลงทุนระยะยาว ยังแนะนำถือทองคำต่อไป เป้าหมายปีนี้อยู่บริเวณ 1,650-1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ที่เคยให้ไว้เมื่อปลายปีที่ผ่านมานั้นถึงแล้วแต่ยังมีโอกาสพุ่งสูงกว่าเป้าหมายอื่นถัดไปเช่นกัน โดยเป้าหมายถัดไปจะอยู่ 1,730 และ 1,850 ดอลลาร์ต่อออนซ์ตามลำดับ ไม่ใช่เพียงไวรัส COVID-19 เท่านั้นที่จะหนุนราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยแต่ความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลกในปีนี้มีโอกาสที่จะส่งผลกระทบต่อการผิดนัดชำระหนี้ของบรรดาหุ้นกู้ทั่วโลกซึ่งอาจทำให้เงินทุนจำเป็นต้องไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง
ข่าวเด่น