NER ชี้ผลประกอบการ H1/63 เติบโตตามเป้า สวนกระแสเศรษฐกิจชะลอจากผลกระทบ COVID-19 เดินหน้าเจรจาลูกค้ารายใหม่ ขยายช่องทางขาย พร้อมทำตลาดแผ่นปูรองนอนสัตว์พฤษภาคมนี้ มั่นใจภาพรวมยอดขายทั้งปี 2563 โตตามเป้า 2.1 หมื่นล้านบาท
นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ล่าสุดบริษัทฯได้มีมาตรการคุมเข้มการเข้า-ออกพื้นที่ ตั้งจุดคัดกรอง วัดอุณหภูมิร่างกายพนักงานทุกคนก่อนเข้าและออกโรงงาน มีจุดบริการเจลแอลกอฮอล์ ตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณะสุข พร้อมปรับเวลาการทำงานของพนักงานให้สอดคล้องกับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ห้ามออกนอกเคหสถานตั้งแต่เวลา 22.00 – 04.00 น. และมีการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อภายในโรงงานและชุมชนบริเวณใกล้เคียงเป็นประจำทุกสัปดาห์
อย่างไรก็ตามแม้สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 จะรุนแรงในหลายประเทศและส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลก แต่ล่าสุดบริษัทฯยังไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด โดยตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ปี 2563 ยังคงเติบโตตามเป้าหมาย เนื่องจากมีคำสั่งซื้อขายล่วงหน้าแล้ว 6 เดือน (ม.ค.-มิ.ย.63) ซึ่งปัจจุบันยังมีการส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าปกติตามแผนงานเดิมที่วางไว้ ขณะที่ล่าสุดเริ่มเห็นสัญญาณที่ดี โดยเฉพาะในประเทศจีนที่สามารถควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ได้ ซึ่งหากทุกประเทศสามารถรับมือได้ สถานการณ์ปรับดีขึ้น เชื่อมั่นว่า ความต้องการใช้ทรัพยากร เพื่อฟื้นฟูประเทศจะมีจำนวนมาก ซึ่งจะกลายเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจ
ทั้งนี้ล่าสุดบริษัทฯได้เดินหน้าหาลูกค้ารายใหม่เพิ่มเติมจาก 39 รายในปี 2562 เป็น 50 รายในปัจจุบัน ควบคู่ไปกับการขยายช่องทางขาย และออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เบื้องต้นจะเริ่มทำตลาดแผ่นปูรองนอนสัตว์ในเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมั่นใจว่า ภาพรวมทั้งปี 2563 ยอดขายจะเติบโตตามเป้าหมาย 2.1 หมื่นล้านบาท
นายชูวิทย์ บอกเพิ่มเติมว่าแม้สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 จะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทฯ แต่ล่าสุดยังคงต้องเฝ้าจับตาปัญหาภัยแล้ง ที่อาจส่งผลกระทบต่อปริมาณยางพาราในช่วงไตรมาส 3 ให้ปรับลดลง เบื้องต้นประเมินว่าหากสถานการณ์ภัยแล้งรุนแรงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน อาจส่งผลกระทบให้ปริมาณยางพาราในตลาดลดลงราว 15% ซึ่งเบื้องต้นบริษัทฯได้เตรียมแผนรับมือด้วยการกระจายจุดรับซื้อ-ขายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพิ่มเติมแล้ว
“2 ไตรมาส ปี 63 ยังไม่มีผลกระทบอย่างแน่นอน เพราะเรามีการซื้อ-ขายล่วงหน้าไว้แล้ว 5-6 เดือน ปัจจุบันก็ยังมีการส่งของให้ลูกค้าตามออเดอร์ซื้อ-ขายกันปกติ ตอนนี้มียอดขายรอส่งมอบถึงสิ้นไตรมาส 2 แล้ว แต่เราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการหาลูกค้ารายใหม่ๆ ขยายช่องทางขาย รวมทั้งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ซึ่งพฤษภาคมนี้จะเริ่มทำตลาดแผ่นปูรองนอนสัตว์ ก็จะรับรู้รายได้ทันที ทั้งหมดก็เพื่อต่อยดดสร้างการเติบโตที่ต่อเนื่อง” นายชูวิทย์ กล่าว
ข่าวเด่น