มันคือความจริงในทุกๆวิกฤติที่เกิดขึ้นได้เปิดโอกาสให้กับคุณเสมอหรือพูดตรงๆก็คือ ไม่ใช่หุ้นทุกตัวที่อยู่ในวิกฤติจะไม่สามารถลงทุนได้ กลับตรงกันข้าม เพราะจะมีหุ้นที่ฝ่าฟันวิกฤติฟื้นตัวและเติบโตต่อไปได้อย่างน่าทึ่ง
“ดังนั้นท่ามกลางวิกฤติหน้าที่ของคุณ คือต้องทำการบ้านและประเมินว่าบริษัทไหนที่สามารถก้าวข้ามผ่านวิกฤติและเติบโตได้ ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยหลายร้อยบริษัทที่เป็นเช่นนี้”
ทั้งนี้ มิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์ฯและคุณอาภาภรณ์ แสวงพรรค ได้ยกตัวอย่าง ช่วงวิกฤติปี 2540 ให้เห็นว่าผู้ลงทุนส่วนใหญ่ประเมินว่า หุ้นกลุ่มธนาคารจะไปไม่รอด ราคาหุ้นปรับลดลงอย่างรุนแรงและแทบมองไม่ออกว่าราคาจะรีบาวน์ได้ มูลค่าธุรกิจหดหายไปมาก แต่เมื่อฝุ่นหายตลบ หุ้นกลุ่มธนาคารก็ฟื้นตัวและราคารีบาวน์ได้ ที่สำคัญทุกวันนี้ธุรกิจธนาคารมีความแข็งแกร่งและเติบใหญ่กว่าปี 2540 อย่างมาก
หากย้อนเวลากลับไปได้และนักลงทุนตัดสินใจซื้อหุ้นธนาคารขนาดใหญ่สัก 2 แห่ง จากนั้นก็ถือมาจนถึงวันนี้จะมีกำไรอย่างน่าประทับใจ ถึงแม้ในระหว่างทางจะมีวิกฤติซับไพรม์ หรือวิกฤติราคาน้ำมัน นอกจากหุ้นกลุ่มธนาคารก็ยังมีหุ้นหลายตัวที่ฝ่าฟันวิกฤติและเติบโตได้
สำหรับการเลือกหุ้นท่ามกลางเชื้อไวรัส COVID-19 นั้น หากคุณเน้นลงทุนระยะสั้นๆ (เล่นรอบ) หรือลงทุนระยะยาว คุณควรเลือกหุ้นพื้นฐานดีเข้าพอร์ต เพราะว่าตอนนี้ราคาหุ้นพื้นฐานดี ปรับลดลงจนต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานที่แท้จริง จึงเป็นระดับราคาที่สามารถเก็งกำไรหรือลงทุนระยะยาวได้
โดยแตกต่างจากอดีต ที่เวลาเก็งกำไรจะเน้นหุ้นราคาต่ำ ปัจจัยพื้นฐานกลางๆ เน้นใช้เครื่องมือทางเทคนิคมาวิเคราะห์เพื่อประกอบการตัดสินใจ เพราะหุ้นพื้นฐานดีซึ่งเป็นหุ้น Core Port หรือหุ้นหลักที่ต้องซื้อเก็บไว้ในพอร์ต มีราคาแพง บางตัวหลายร้อยบาท แต่วันนี้ราคาปรับลดลงมามาก
ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องลงทุนหุ้นที่ไม่มีพื้นฐานรองรับ พูดง่ายๆ วันนี้ไม่ว่าจะลงทุนสั้น กลาง ยาว ควรซื้อหุ้นพื้นฐานดี เพราะได้ของดี ราคาถูก
ดังนั้นการที่คุณจะเลือกหุ้นต้องดูด้วยว่าคุณสามารถแบกรับความเสี่ยงได้ขนาดไหน
กรณีถ้าคุณรับความเสี่ยงได้ต่ำ (ไม่ชอบความเสี่ยง) ควรเน้นหุ้นปลอดภัย (Defensive Stock) ในเรื่อง Story เกี่ยวกับศักยภาพการดำเนินธุรกิจ การเติบโตอย่างต่อเนื่อง เลือกหุ้นปลอดภัยสูงและราคาปรับลดลงน้อยกว่าตลาด เช่น หุ้นกลุ่มสื่อสารที่ได้รับประโยชน์จากการที่หน่วยงานภาครัฐ บริษัทเอกชน ให้พนักงานทำงานอยู่ที่บ้าน, หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล ที่ได้รับประโยชน์จากการที่ประชาชนไปใช้บริการเพื่อตรวจหาเชื้อไวรัส COVID-19 และเข้ารับการรักษาโรคต่างๆ เพิ่มมากขึ้น หรือหุ้นกลุ่มค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อ ซึ่งรับประโยชน์จากการปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อไวรัส เป็นต้น นอกจากนี้ สามารถเลือกหุ้นที่จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ เช่น Infrastructure Fund
หุ้นที่มีราคาปรับลดลงน้อยกว่าตลาด เนื่องจากมีการดำเนินธุรกิจที่มั่นคง มีความสามารถขยายธุรกิจและเติบโตได้ในระยะยาว ดังนั้น ถึงแม้จะเกิดวิกฤติแต่ก็ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็ได้รับประโยชน์จากวิกฤติด้วย
ส่วนกรณีถ้าคุณรับความเสี่ยงได้สูง คุณสามารถเลือกหุ้นพื้นฐานดีแต่ราคาปรับลดลงอย่างรุนแรง “ซื้อแล้วรอทำกำไรเมื่อราคาหุ้นรีบาวน์” โดยส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นกลุ่มผู้นำตลาด เช่น กลุ่มพลังงาน กลุ่มธนาคาร หรือกลุ่มไฟแนนซ์ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่เชื้อไวรัส COVID-19 แต่หากดูปัจจัยพื้นฐานการดำเนินธุรกิจ พบว่ามีความแข็งแรง เพราะถ้าทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หุ้นเหล่านี้จะดีดตัวกลับเร็วเช่นเดียวกัน
โดยข้อดีของการลงทุนหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี เป็นผู้นำตลาดก็คือ ถึงแม้ลงทุนแล้วราคาปรับลดลงต่อเนื่อง หรือเรียกว่า ติดหุ้น แต่หุ้นเหล่านี้สามารถถือลงทุนในระยะยาวได้ เพราะสุดท้ายแล้วราคาจะรีบาวน์และกลับไปอยู่ระดับเดิม ถ้าวันนี้คุณซื้อแล้วติดหุ้น Top 10 ของตลาดหุ้นไทย อีก 5 ปีข้างหน้าอาจจะมีความสุขก็ได้
ในช่วงเกิดวิกฤติ คุณอาจมีโอกาสสามารถประสบความสำเร็จจากการลงทุนได้ เพียงแค่คุณเริ่มต้นจากการเรียนรู้ ติดตามข่าวสารตลอดเวลา หากลยุทธ์และเครื่องมือในการวิเคราะห์ แล้วนำมาใช้เลือกหุ้นและตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ
ข่าวเด่น