ดัชนีมีการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องตลอดทั้งสัปดาห์ จนกระทั่งดีดกลับขึ้นปิด GAP ที่เปิดเอาไว้แถวๆ 1,238 จุดได้ แต่ก็มีแรงขายทำกำไรกลับลงมาพอสมควร แม้จะเกิดสัญญาณ Golden cross ร่วมด้วยก็ตาม ในขณะที่ MACD กำลังปรับตัวขึ้นใกล้พ้นระดับศูนย์แล้ว หากวันนี้ (13 มี.ค.) ดัชนีไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันแถวๆ 1,211 จุด เสียก่อน ดัชนีจึงจะมีลุ้นดีดกลับผ่าน 1,243 จุดขึ้นทำ New high ต่อไป โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1,299-1,306 จุด
ส่วนหุ้นที่น่าสนใจในสัปดาห์นี้ ได้แก่ หุ้น PTTEP ซึ่งมีแนวรับ 76.00 บาท แนวต้าน 82.75 , 87.50 , 100 บาท ระดับราคาอ่อนตัวลงมาจากแรงขายทำกำไรระยะสั้น เนื่องจากมีการดีดกลับขึ้นมาต่อเนื่อง จากประเด็นผลการประชุมกลุ่มโอเปคเรื่องลดกำลังการผลิต หากวันนี้ระดับราคาอ่อนตัวกลับลงมาไม่หลุดปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันแถวๆ 76.00 บาทซะก่อน ระดับราคาน่าจะได้ลุ้นดีดกลับขึ้นผ่าน 82.75 บาท ก่อนผ่านขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิม 87.50 บาทหรือทำ New high แถวๆ 100 บาทต่อไป
TRUE เป็นอีกหนึ่งหุ้นที่น่าสนใจ โดยมีแนวรับ 3.30-3.24 บาท แนวต้าน 3.42-3.46 , 3.60 บาท ระดับราคาดีดกลับขึ้นมาทำ New high ในรอบ 3 สัปดาห์ พร้อมวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งยังปิดได้ในระดับสูงของวัน หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 3.30 บาทซะก่อน หรือเต็มที่ไม่หลุดเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันแถวๆ 3.24 บาท ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นต่อแถวๆ 3.42-3.46 บาทและ 3.60 บาทต่อไป
TPOLY ก็น่าสนใจเช่นกัน โดยมีแนวรับ 1.75 , 1.70 บาท แนวต้าน 2.02 บาท ระดับราคาดีดกลับขึ้นมาทำ New high ในรอบ 1 เดือน พร้อมวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นอีกทั้งยังปิดได้ในระดับสูงของวันและปิด GAP ที่เปิดเอาไว้แถวๆ 1.84 บาทได้ หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 1.75 บาทซะก่อน หรือเต็มที่ไม่หลุดเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันแถวๆ 1.70 บาท ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นต่อแถวๆ 2.02 บาทต่อไป
ส่วนภาวะการลงทุนในตลาดทองคำสัปดาห์ที่ผ่าน เมื่อถึงเวลา 14.00 น วันศุกร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2563 โดยราคาทองคำล่าสุดอยู่ที่ 1,675.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเมื่อสัปดาห์ก่อนอยู่บริเวณ 1,616.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เท่ากับเปลี่ยนแปลงปรับขึ้นถึง 51.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปัจจัยหลักจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐจะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเม็ดเงิน 2.33 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ราคาทองคำโลกสัปดาห์ที่แล้วเคลื่อนไหวทำจุดต่ำสุดและสูงสุดไว้ที่ 1,608.20-1,690.11 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเริ่มต้นสัปดาห์ ราคาทองคำปรับลงหลังเม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นสหรัฐที่ดีดตัวขึ้นแรงต่อเนื่อง
แต่ช่วงปลายสัปดาห์ราคาทองคำกลับมาทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 1 เดือนอีกครั้ง หลังปรากฎข่าวว่าเฟดจะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเงินอัดฉีดราว 2.33 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อย และมีการประกันรายได้ของพนักงาน ทำให้ตลาดมองว่าดอลลาร์อาจกลับมาเฟ้อในอนาคตได้ ทำให้เกิดแรงซื้อทองคำกลับมาอีกครั้ง
สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สัปดาห์ที่ผ่านมาแข็งค่าขึ้น 0.35 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งล่าสุดอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ที่ 32.660 บาทต่อดอลลาร์ จากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 33.010 บาทต่อดอลลาร์ โดยระหว่างสัปดาห์แกว่งตัวในกรอบ 32.630-33.005 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับคำแนะนำ นักลงทุนระยะสั้น นั้นราคาทองคำโลกกลับมายืนเหนือแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,640 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง ทำให้เหมาะสมกับการซื้อเก็งกำไรอีกรอบ โดยแนวรับสำคัญอยู่ที่ 1,640 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ไม่ควรปิดต่ำกว่าอีกแล้ว โดยจุดเข้าซื้ออยู่บริเวณ 1,650-1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จุดทำกำไรอยู่บริเวณ 1,730 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไป
สำหรับนักลงทุนระยะยาว ยังแนะนำถือทองคำต่อไป เป้าหมายปีนี้อยู่บริเวณ 1,650-1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ที่เคยให้ไว้เมื่อปลายปีที่ผ่านมานั้นถึงแล้วแต่ยังมีโอกาสพุ่งสูงกว่าเป้าหมายอื่นถัดไปเช่นกัน โดยเป้าหมายถัดไปจะอยู่ 1,730 และ 1,850 ดอลลาร์ต่อออนซ์ตามลำดับ ไม่ใช่เพียงไวรัสโควิด-19 เท่านั้นที่จะหนุนราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลกในปีนี้มีโอกาสที่จะส่งผลกระทบต่อการผิดนัดชำระหนี้ของบรรดาหุ้นกู้ทั่วโลก ซึ่งอาจทำให้เงินทุนจำเป็นต้องไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง
ข่าวเด่น