สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ดีขึ้นต่อเนื่อง เมื่อดูจากจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ที่เพิ่มขึ้นในอัตราลดลง สะท้อนจากเมื่อวานนี้ (13เม.ย.) ยอดผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้น 28 ราย เทียบกับช่วงต้นเดือนเม.ย.ที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละ 100 ราย
ขณะที่ จำนวนผู้ติดเชื้อต่อวันเทียบกับจำนวนผู้รักษาหายต่อวัน พบว่า จำนวนผู้รักษาหายต่อวัน เพิ่มขึ้นสูงกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อต่อวัน ต่อเนื่องมา 4 วันแล้ว สถานการณ์ที่ดีขึ้นดังกล่าว เป็นผลจากมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลประกาศใช้ ไม่ว่าจะเป็น "เคอร์ฟิว" และการขอความร่วมมือให้ประชาชนรักษาระยะห่างเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ออกมาตรการเยียวยาผู้ที่กระทบจาก COVID-19 รวมถึงมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ รวมถึงประเด็นใหม่ที่ตลาดกำลังให้น้ำหนักในช่วงนี้ นั่นก็คือ การหาข้อสรุปเพื่อผ่อนปรนการ lockdown ประเทศ เช่น การผ่อนผันให้ธุรกิจกลับมาเปิดดำเนินการได้ และการเยียวยาภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบ
โดยในวันที่ 20 เม.ย.2563 จะมีการหารือเพื่อหาข้อสรุป ก่อนที่จะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พิจารณาในวันที่ 21 เม.ย.63
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส หรือ ASPS มองว่า หากรัฐบาลผ่อนผันให้ผู้ประกอบการภาคเอกชน เปิดดำเนินการได้ จะ เป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทย และเป็นตัวแปรที่จะช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยเอาไว้ได้ โดยฝ่ายวิจัยฯ ประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้ ติดลบ 1.4% yoy เทียบกับ consensus ที่คาดติดลบ 5-6%
โดยภาพรวมของประเด็น COVOD-19 ที่ดูดีขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัว และทำ V Shape ได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงตลาดหุ้นต่างประเทศด้วย
แต่ ตลาดหุ้น ก็ยังคงรอ Fund Flow จากต่างชาติ รวมถึงมีหุ้นในตลาดหลายบริษัทที่ขึ้นทำ V Shape ได้อย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมาแล้ว จึงคาดว่าเม็ดเงินลงทุนในตลาดหุ้นไทยขณะนี้ จะหมุนมาหาหุ้นที่พื้นฐานแข็งแกร่ง ที่ยังฟื้นตัวขึ้นน้อย หากวัดจากจุดต่ำสุด
ฝ่ายวิจัยฯ จึงได้คัดกรองหุ้นมาฝากกันในวันนี้ โดยกำหนดเงื่อนไข ให้ราคาหุ้นมี upside มาก กว่า 20%, ฝ่ายวิจัยฯ แนะนำซื้อ, นับตั้งแต้ต้นปี ปรับลงมาแรงเกิน 10% และราคาหุ้นที่ฟื้นตัวน้อยหากวัดจากจุดต่ำสุดในปีนี้ ได้หุ้นที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าว 15 บริษัท
ข่าวเด่น