ดัชนียังสามารถประคองตัวดีดกลับขึ้นมาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันได้ หลังจากวันก่อนหน้าได้ปรับตัวลงมาแรงหลุดปิดต่ำกว่าเส้นดังกล่าว ซึ่งการดีดกลับนี้ทำให้แนวโน้มระยะสั้นยังไม่เสียหาย เนื่องจาก MACD ยังมีทิศทางปรับตัวขึ้นต่อใกล้พ้นระดับศูนย์แล้ว ในขณะที่เส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันจะขยับเข้ามาใกล้กันแถวๆ 1,226-1,234 จุด ถือเป็นแนวรับระยะสั้นในสัปดาห์นี้
หากดัชนีประคองตัวปิดเหนือสองเส้นดังกล่าวได้ต่อเนื่อง ดัชนีน่าจะดีดกลับขึ้นต่อรอบใหม่ได้อีก โดยมีลุ้นดีดกลับผ่าน 1,241 จุด ขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมในสัปดาห์ที่แล้วแถวๆ 1,267 จุดได้อีกครั้ง ในขณะที่แนวรับหลักๆยังอยู่แถวๆ1,200 จุด
ส่วนหุ้นที่น่าจับตามองในสัปดาห์นี้ ได้แก่ SISB แนวรับ 7.50 บาท แนวต้าน 7.90 , 8.20-8.35 บาท ระดับราคาเริ่มดีดกลับขึ้นรอบใหม่อีกครั้ง หลังจากอ่อนตัวหลุดลงไปต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันเล็กน้อย โดยการดีดกลับรอบนี้น่าจะได้ลุ้นทำ New high หากระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันที่ 7.50 บาทอีก ระดับราคาน่าจะได้ลุ้นดีดกลับขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิมในรอบสัปดาห์ที่ 7.90 บาท ลุ้นทำ New high แถวๆ 8.20-8.35 บาทต่อไป
SAWAD แนวรับ 50.50-50.00 บาท แนวต้าน 53.00 , 55.50-57.00 บาท ระดับราคาสามารถดีดกลับจากเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันในวันก่อนหน้าขึ้นปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันได้ พร้อมวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นมาก อีกทั้ง MACD ที่กำลังดีดกลับขึ้นยืนเหนือศูนย์ได้
หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 50.50-50.00 บาทซะก่อน ระดับราคาน่าจะได้ลุ้นดีดกลับผ่าน 53.00 บาทขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 55.50-57.00 บาทต่อไป MTC แนวรับ 44.50 บาท แนวต้าน 46.50 , 49.00-49.75 บาท ระดับราคาสามารถดีดกลับจากเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันในวันก่อนหน้าขึ้นปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันได้ พร้อมวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้ง MACD ที่กำลังดีดกลับขึ้นยืนเหนือศูนย์ได้
หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันแถวๆ 44.50 บาทซะก่อน ระดับราคาน่าจะได้ลุ้นดีดกลับผ่าน 46.50 บาทขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 49.00-49.75 บาทต่อไป
ส่วนบรรยากาศตลาดทองคำสัปดาห์ที่ผ่านเมื่อถึงเวลา 14.30 น วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2563 โดยราคาทองคำล่าสุดอยู่ที่ 1,692.94 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเมื่อสัปดาห์ก่อนอยู่บริเวณ 1,694.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เท่ากับเปลี่ยนแปลงปรับลงเล็กน้อยประมาณ 2.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แต่ระหว่างสัปดาห์มีการปรับขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 7 ปี โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคายังคงเป็นข่าวเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ราคาทองคำโลกสัปดาห์ที่แล้วเคลื่อนไหวทำจุดต่ำสุดและสูงสุดไว้ที่ 1,663-1,746.87 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทั้งนี้ ราคาทองคำโลกสัปดาห์นี้ผันผวนมากมีการปรับขึ้นลงภายในวันในช่วงราคาที่กว้าง ราคามีการปรับขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 7 ปีหลังมีปัจจัยหนุนอย่างการอัดเม็ดเงินของธนาคารกลางทั่วโลกในปริมาณมาก และ IMF มองว่าเศรษฐกิจโลกกำลังเจอสภาวะลำบากมากที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี ค.ศ.1930 หรือประมาณ 90 ปีที่แล้ว
ประกอบกับตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐประจำสัปดาห์นั้น ออกมาเพิ่มขึ้น 5.245 ล้านราย รวมสามสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น มีจำนวนผู้ขอสวัสดิการว่างงานสหรัฐกว่า 22 ล้านคน
และราคาทองคำกลับมาปรับลงในช่วงปลายสัปดาห์ หลังมีตลาดรับข่าวการทดลองยาต้านไวรัสแสดงถึงประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยได้ดีและข่าวที่สหรัฐต้องการจะกลับมาเปิดเมืองให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิต และทำธุรกิจเร็วยิ่งขึ้น ส่งผลให้เกิดแรงขายในทองคำออกมา
สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาแข็งค่าขึ้น 0.120 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งล่าสุดอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ที่ 32.560 บาทต่อดอลลาร์ จากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 32.680 บาทต่อดอลลาร์ โดยระหว่างสัปดาห์แกว่งตัวในกรอบ 32.445-32.785 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับคำแนะนำ นักลงทุนระยะสั้นนั้นราคาทองคำโลกกลับมายืนเหนือแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,640 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง ทำให้เหมาะสมกับการซื้อเก็งกำไรอีกรอบ โดยแนวรับสำคัญอยู่ที่ 1,640 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ไม่ควรปิดต่ำกว่าอีกแล้ว
ส่วนจุดเข้าซื้ออยู่บริเวณ 1,660-1,680 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่จุดทำกำไรอยู่บริเวณ 1,730 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไป ซึ่งขึ้นมาถึงเรียบร้อยแล้ว ใครที่ยังไม่ขาย ให้ระมัดระวัง หากหลุดต่ำกว่า 1,680 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ขายออกไปก่อน และรอรับกลับบริเวณ 1,640-1,660 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง
สำหรับนักลงทุนระยะยาว ยังแนะนำถือทองคำต่อไป เป้าหมายปีนี้อยู่บริเวณ 1,650-1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ที่เคยให้ไว้เมื่อปลายปีที่ผ่านมานั้นถึงแล้ว แต่ยังมีโอกาสพุ่งสูงกว่าเป้าหมายอื่นถัดไปเช่นกัน
โดยเป้าหมายถัดไปจะอยู่ 1,730 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และ 1,850 ดอลลาร์ต่อออนซ์ตามลำดับ ไม่ใช่เพียงไวรัสโควิด-19 เท่านั้น ที่จะหนุนราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยแต่ความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลกในปีนี้มีโอกาสที่จะส่งผลกระทบต่อการผิดนัดชำระหนี้ของบรรดาหุ้นกู้ทั่วโลกซึ่งอาจทำให้เงินทุนจำเป็นต้องไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง
ข่าวเด่น