หลังจากเมื่อวานนี้ (20เม.ย.) ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลงทุกตลาด โดยเฉพาะดัชนีอ้างอิงในสหรัฐฯ WTI ที่ปรับตัวลดลงมากถึง 306% มาที่ 37.6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากเป็นการซื้อขายวันสุดท้ายของราคาน้ำมันดิบ Future เดือนพ.ค.จึงต้องมีการปิด position เพราะอาจมีการเก็งกำไรช่วงก่อนหน้ามากเกินไป ทำให้มีความผันผวนสูง ซึ่งเป็นลักษณะของการซื้อขาย Future ทั่วไป
ฝ่ายวิจัยบล.เอเซีย พลัส หรือ ASPS มองว่าเป็น sentiment เชิงลบช่วงสั้นต่อหุ้นกลุ่มน้ำมัน เพราะเป็นการปรับตัวลดลงแรงสุดเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ตามในวันนี้การซื้อขายน้ำมันดิบอ้างอิง WTI ก็จะเปลี่ยนเป็นการซื้อขายด้วยสัญญาใหม่ของเดือนมิ.ย.
โดยราคาล่าสุดเช้านี้ (21 เม.ย.) กลับมาอยู่ในกรอบปกติที่ 21-22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อีกทั้งหากพิจารณาราคาปิดน้ำมันดิบอ้างอิงตลาดอื่นๆ เช่น Brent และ Dubai พบว่า การปรับตัวลดลงยังคงอยู่ในกรอบปกติตาม
ในเบื้องต้นฝ่ายวิจัยฯยังคงอิงสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบในปี 2563 ที่ 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (ภายใต้ YTD ที่ 47.5 ดอลลาร์) แต่หากมีการปรับลดสมมติฐานราคาน้ำมันดิบลดลงทุก 5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในระยะยาวจะกระทบมูลค่าพื้นฐาน PTTEP และ PTT ราว 10-12 และ 2-3 บาทต่อหุ้น ตามลำดับ
สำหรับคำแนะนำการลงทุนในหุ้นกลุ่มนํ้ามัน ทั้งหุ้น PTT และ PTTEP นั้น ในภาพระยะยาวยังคงแนะนำ ซื้อ ด้วยมูลค่าพื้นฐานที่ 42 และ 100 บาทต่อหุ้น แต่ในช่วงสั้นนั้น ราคาหุ้นอาจยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงจากความต้องการใช้ที่หดตัวอย่างรุนแรง
ดังนั้นการเข้าลงทุนในหุ้นน้ำมัน อาจต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น โดยหาจังหวะเข้าลงทุนเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัว
ข่าวเด่น