หุ้นทอง
ตลาดบอนด์ขาดสภาพคล่องโอกาสลงทุน-ผลตอบแทนดี


ความผันผวนในตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลก ส่งผลให้ตลาดตราสารหนี้ได้รับผลกระทบด้วย ดังนั้นเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงมีมาตรการเสริมสภาพคล่องของตลาดตราสารหนี้ เพื่อให้ตลาดกลับมาทำงานได้อย่างปกติ

 

 
 
 
 
ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวที่ออกมามีด้วยกัน 3 มาตรการ ซึ่งหนึ่งในสามมาตรการ คือ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จัดตั้งกลไกพิเศษ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้แก่กองทุนรวมผ่านธนาคารพาณิชย์ โดยธนาคารพาณิชย์ที่เข้าซื้อหน่วยลงทุนจากกองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund)และกองทุนรวมตราสารหนี้ที่เป็นกองทุนเปิด (Daily Fixed Income Fund) ที่ถือสินทรัพย์คุณภาพดี แต่ได้รับผลกระทบจากการที่ตลาดเงินขาดสภาพคล่อง สามารถนำหน่วยลงทุนดังกล่าว มาวางเป็นหลักประกันเพื่อขอสภาพคล่องจาก ธปท.ได้ โดยจะดำเนินการจนกว่าสถานการณ์ในตลาดการเงินจะเข้าสู่ภาวะปกติ
 
หลังจากมาตรการดังกล่าวออกมา มิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์และฐิติเมธ โภคชัย ได้รวบรวบมุมมองของคุณวิน พรหมแพทย์ และคุณสุกิจ อุดมศิริกุล โดยพบว่าในช่วงวันที่ 23-26 มีนาคมที่ผ่านมา ตลาดตราสารหนี้ไทยมียอดซื้อสุทธิจากบริษัทจัดการกองทุน (บลจ.) มากกว่า 17,000 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 26 มีนาคม 2563) บ่งชี้ได้ในเบื้องต้นว่ามาตรการส่งเสริมสภาพคล่องได้ผลในระดับหนึ่ง
 
จากมาตรการส่งเสริมสภาพคล่องดังกล่าว ส่งผลให้ตลาดตราสารหนี้มีการซื้อขายคล่องตัวขึ้น สังเกตได้จากยอดการซื้อตราสารหนี้สุทธิของ บลจ. ในช่วงวันที่ 30 มีนาคม-1 เมษายน ที่ผ่านมา มีมากกว่า 30,000 ล้านบาท สะท้อนว่าตลาดตราสารหนี้เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ
 
สำหรับปัญหาการขาดสภาพคล่องในตลาดตราสารหนี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อยครั้งและมักคลี่คลายในระยะเวลาอันสั้น เมื่อใดที่ตลาดขาดสภาพคล่องจะทําให้เกิดโอกาสการลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น (แปลว่า มีราคาถูกลง) และด้วยมาตรการที่ออกมา ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด และความกังวลของผู้ลงทุนได้พอสมควร บวกกับการเข้าสู่ไตรมาสใหม่ สภาพคล่องในตลาดตราสารหนี้น่าจะเพิ่มมากขึ้น

สำหรับตราสารหนี้ที่เกิดปัญหาในช่วงที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ เป็นปัญหาเรื่องสภาพคล่อง (Liquidity Risk) ไม่ใช่ปัญหาเรื่องเครดิต (Credit Risk) ซึ่งตลาดตราสารหนี้ในระยะสั้นๆ จะมีความคล่องตัวต่ำ ดังนั้นจะเกิดปัญหาเรื่องสภาพคล่องหากผู้ลงทุนไถ่ถอนหน่วยลงทุนกันเป็นจำนวนมากในเวลาเดียวกัน แต่ถ้าให้เวลานานพอก็จะทำให้ตลาดตราสารหนี้ ในช่วงที่มีความเสี่ยงหรือเกิดวิกฤติ สินทรัพย์เพื่อการลงทุนทุกประเภทย่อมเกิดความผันผวน “การที่ผู้ลงทุนขายกองทุนรวมตราสารหนี้ออกไป ไม่ได้หมายความว่าตราสารหนี้ไม่ดี แต่ต้องการเงินสดเนื่องจากความกังวลว่าจะเกิดวิกฤติ พูดง่ายๆ ตราสารหนี้ยังมีคุณภาพดีเหมือนเดิม เพียงแต่คนต้องการถือเงินสดมากขึ้นเท่านั้น
 
ส่วนคำแนะนำหากลงทุนกองทุนรวมตราสารหนี้อยู่แล้ว “ไม่ควรขายออกไป เพราะไม่ใช่ปัญหาจากคุณภาพของตราสารหนี้ เพราะกองทุนรวมมีการลงทุนตราสารหนี้ที่มีคุณภาพ ดังนั้นสินทรัพย์การลงทุนที่ดีไม่ควรขายเพราะตกใ แต่ถ้าตกใจและขายออกไปก็มีโอกาสขายขาดทุน
 
สำหรับสินทรัพย์ประเภทพันธบัตรรัฐบาลหรือหุ้นกู้เอกชนระดับ Investment Grade เป็นตราสารหนี้ที่มีนักลงทุนต้องการลงทุนตลอดเวลา เช่น กองทุนรวมตราสารหนี้, ประกันสังคม, กบข. หรือบริษัทประกันชีวิต เพราะนักลงทุนสถาบันเหล่านี้ เชื่อว่าเป็นตราสารหนี้ที่มีคุณภาพดี
 
ตราสารหนี้ที่มีคุณภาพดีทั้งพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้เอกชน เป็นสิ่งที่ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้และถ้าเชื่อว่าตราสารหนี้ที่ลงทุนมีความปลอดภัยในระยะยาว เพียงแต่วันนี้มีความผันผวน ราคาปรับลดลง ย่อมเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุน
 
ดังนั้น ทางเลือกสำหรับผู้ที่ถือกองทุนรวมตราสารหนี้ คือ โยกมากองทุนรวมตลาดเงิน เพราะมีนโยบายลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกือบทั้งหมด “พันธบัตรรัฐบาล มีรัฐบาลค้ำประกัน 100% แปลว่า มีความมั่นคง”
 
ส่วนคำแนะนำ สำหรับมือใหม่ ถ้าสนใจลงทุนกองทุนรวมตราสารหนี้ในช่วง COVID-19 วิน แนะนำว่า “ลงทุนได้เลย” เพราะจังหวะแบบนี้เป็นตลาดของผู้ซื้อ ซึ่งวิธีลงทุนที่น่าสนใจ คือ ทยอยลงทุนอย่างสม่ำเสมอ (Dollar Cost Average : DCA) เพราะกองทุนรวมได้ถูกออกแบบให้ลงทุนระยะยาวเพื่อสะสมเงินออมไว้ใช้หลังเกษียณ
 
มือใหม่ อาจเริ่มต้นจากกองทุนรวมตลาดเงิน ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐระยะสั้น อายุคงเหลือน้อยกว่า 1 ปี เพราะมีความเสี่ยงต่ำ มีสภาพคล่องสูงและมีคุณภาพดี เช่น เงินฝาก พันธบัตรรัฐบาล หรือหุ้นกู้เอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือดี และถ้ารับความเสี่ยงและต้องการผลตอบแทนเพิ่มขึ้นสูงกว่ากองทุนรวมตลาดเงิน แนะนำกองทุนรวมตราสารหนี้ทั่วไปที่เปิดให้ผู้ลงทุนซื้อหรือขายคืนหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ (Daily Fixed Income)
 
โดยปกติตราสารหนี้มีความเสี่ยงต่ำ เช่น กองทุนรวมตลาดเงิน ความผันผวนของราคาอยู่ในระดับต่ำ เมื่อเทียบกับการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ เช่น หุ้น ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น

ตราสารหนี้ เป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุนที่ดูแลเงินต้นของผู้ลงทุน ถือเป็นตัวช่วยประคองพอร์ตลงทุนโดยรวมในช่วงตลาดผันผวน ดังนั้น จึงควรกระจายความเสี่ยงในการลงทุนด้วยการจัดสรรสัดส่วนเงินลงทุนไปยังสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ตามความเหมาะสมกับระดับความเสี่ยงของแต่ละคน
 
นอกจากนี้ตราสารหนี้ยังถือเป็นทางเลือกที่จำเป็นในการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยง ที่สำคัญมีความเสี่ยงต่ำกว่าสินทรัพย์การลงทุนบางประเภท เช่น หุ้น ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ “ในช่วงวิกฤติ ควรเน้นลงทุนตราสารหนี้ที่มีอายุสั้น เพื่อลดความผันผวนของอายุเฉลี่ยตราสารหนี้ (Duration) และเลือกลงทุนตราสารหนี้ที่มีคุณภาพดี นั่นคือ ระดับ Investment Grade ขึ้นไป ที่สำคัญโดยปกติแล้วผู้จัดการกองทุนก็จะปรับพอร์ตของตราสารหนี้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์อยู่แล้ว ดังนั้น ผู้ลงทุนไม่ต้องกังวลว่ากองทุนรวมตราสารหนี้ของตัวเองจะไม่ปลอดภัย

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 21 เม.ย. 2563 เวลา : 15:35:07
29-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 29, 2024, 8:35 am