ดัชนีรีบาวด์กลับขึ้นมาต่อเนื่องและทำ New high ได้อีกเล็กน้อย ก่อนที่จะถูกขายทำกำไรกลับลงมาในช่วงบ่ายและปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันในที่สุดส่วนหนึ่งเป็นเพราะเข้าสู่ช่วงวันหยุดอีกครั้ง ในขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศก็ปรับตัวลดลงกันถ้วนหน้า
หากวันนี้ (27 เม.ย.) ดัชนีอ่อนตัวลงต่อหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันแถวๆ 1,250 จุดอีก ดัชนีอาจซึมลงทำ New low ต่อได้ หากดัชนีหลุดระดับ 1,231 จุดลงไปจะมีแนวรับถัดไปที่ 1,202-1,200 จุด ในขณะที่แนวต้านอยู่แถวๆ 1,280 จุด
ส่วนกลุ่มหุ้นที่น่าจับตามองในสัปดาห์นี้ ได้แก่ หุ้น CENTEL ซึ่งมีแนวรับที่ 21.30 บาท และมีแนวต้าน 22.50 บาท ระดับราคาดีดกลับขึ้นทำ New high ในรอบ 2 สัปดาห์ และเป็นการทำ New high ในรอบ 7 สัปดาห์อีกด้วย เป็นการปรับตัวขึ้น พร้อมวอลุ่มซื้อขายที่สูงมาก อีกทั้งยังประคองตัวปิดได้ในระดับสูงของวัน หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 21.30 บาทซะก่อน หรือเต็มที่ไม่หลุดปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน ระดับราคาจึงจะมีลุ้นขึ้นต่อได้แถวๆ 22.50 บาทต่อไป
ส่วน MC มีแนวรับที่ 8.55 บาท และมีแนวต้าน 8.85 , 9.00 บาท ระดับราคาดีดกลับขึ้นมาทำ New high ในรอบ 2 สัปดาห์ และประคองตัวปิดได้ในระดับสูงของวัน พร้อมวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นมาก ในขณะที่ MACD ดีดกลับขึ้นมายืนเหนือศูนย์ได้ต่อเนื่อง หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 8.55 บาทซะก่อน ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นต่อได้แถวๆ 8.85 บาทและ 9.00 บาทต่อไป
ขณะที่ FVC มีแนวรับที่ 0.35 บาท ส่วนแนวต้าน 0.40-0.42 , 0.45 บาท ระดับราคาดีดกลับขึ้นมาทำ New high ในรอบสัปดาห์ โดยขยับขึ้นไปทดสอบเส้น BollingerTop อีกด้วยแต่ยังไม่ผ่าน ในขณะที่ MACD ดีดกลับขึ้นมายืนเหนือศูนย์ได้ต่อเนื่องและวอลุ่มซื้อขายเพิ่มสูงขึ้น หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 0.35 บาทซะก่อน ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นต่อได้แถวๆ 0.42-0.42 บาทและ 0.45 บาทต่อไป
ส่วนภาวะตลาดทองคำสัปดาห์ที่ผ่านมาเมื่อถึงเวลา 16.20 น วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2563 โดยราคาทองคำล่าสุดอยู่ที่ 1,728.99 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเมื่อสัปดาห์ก่อนอยู่บริเวณ 1,681.63 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เท่ากับเปลี่ยนแปลงปรับขึ้นถึง 47.36 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ระหว่างสัปดาห์ปรับลงตามราคาน้ำมันโลกที่ดิ่งหลุดต่ำกว่า 20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนราคาทองคำโลกสัปดาห์ที่แล้วเคลื่อนไหวทำจุดต่ำสุดและสูงสุดไว้ที่ 1,659.30-1,738.53 ดอลลาร์ต่อออนซ์ราคาทองคำโลกสัปดาห์นี้ผันผวนมากอีกสัปดาห์ หลังเริ่มต้นสัปดาห์ราคาทองคำโลกปรับลดลง เมื่อราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบตลาดเวสต์เท็กซัสที่จะหมดอายุในเดือนพฤษภาคม 2563 นั้นปรับตัวลงรุนแรง จนถึงขั้นราคาสัญญาล่วงหน้าดังกล่าว มีราคาติดลบ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ เนื่องจากสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบนั้นจะมีการส่งมอบน้ำมันจริง หลังสัญญาครบกำหนด แต่ด้วยอุปสงค์การใช้น้ำมันลดลงมากจากผลกระทบของไวรัส COVID-19 ทำให้คลังน้ำมันนั้น มีปริมาณน้ำมันดิบของสหรัฐที่มากในระดับ 80 % แล้ว จึงไม่จำเป็นที่ต้องตุนน้ำมันเพิ่มเติม
ทำให้นักเก็งกำไรที่เข้าไปซื้อขายสัญญาน้ำมันดังกล่าว ไม่สามารถขายสัญญาต่อให้กับนักป้องกันความเสี่ยงได้ จึงต้องยอมขายปิดสถานะในทุกระดับราคา มิเช่นนั้นจะต้องทำการรับส่งมอบน้ำมันดิบกลับไปเมื่อสัญญาครบกำหนด ส่งผลให้ราคาซื้อขายน้ำมันดังกล่าวติดลบหลายสิบเหรียญดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่ปรับลงตาม
แต่ราคาทองคำกลับมาดีดขึ้นเหนือ 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง หลังตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐพุ่งเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้อีกกว่า 4.4 ล้านราย เกินที่ตลาดคาดการณ์ไว้และตลาดหุ้นสหรัฐปรับลงเมื่อตลาดมองว่า สหรัฐอาจจะจำเป็นต้องเปิดให้ประชาชน กลับมาใช้ชีวิตและทำธุรกิจในอนาคตอันใกล้ แม้จะกังวลต่อไวรัส COVID-19 ก็ตาม เนื่องจากภาคธุรกิจกระทบหนักจากการปิดเมือง
สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาแข็งค่าขึ้น 0.070 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งล่าสุดอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ที่ 32.440 บาทต่อดอลลาร์ จากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 32.510 บาทต่อดอลลาร์ โดยระหว่างสัปดาห์แกว่งตัวในกรอบ 32.270-32.605 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนคำแนะนำ สำหรับนักลงทุนระยะสั้น ราคาทองคำโลกกลับมายืนเหนือแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,640 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง ทำให้เหมาะสมกับการซื้อเก็งกำไรอีกรอบ โดยแนวรับสำคัญอยู่ที่ 1,640 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ไม่ควรปิดต่ำกว่าอีกแล้ว จุดเข้าซื้ออยู่บริเวณ 1,660-1,680 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งใครที่ทำตามคำแนะนำน่าจะได้ทองคำในช่วงราคาดังกล่าวมาเรียบร้อย จุดทำกำไรอยู่บริเวณ 1,730 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไป ซึ่งขึ้นมาถึงเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นใครที่ยังไม่ขายให้ระมัดระวัง หากหลุดต่ำกว่า 1,705 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ขายออกไปก่อนและรอรับกลับบริเวณ 1,640-1,680 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้ง
สำหรับนักลงทุนระยะยาว ยังแนะนำถือทองคำต่อไป เป้าหมายปีนี้อยู่บริเวณ 1,650-1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ที่เคยให้ไว้เมื่อปลายปีที่ผ่านมานั้นถึงแล้ว แต่ยังมีโอกาสพุ่งสูงกว่าเป้าหมายอื่นถัดไปเช่นกัน โดยเป้าหมายถัดไปจะอยู่ 1,730 และ 1,850 ดอลลาร์ต่อออนซ์ตามลำดับ ไม่ใช่เพียงไวรัส COVID-19 เท่านั้นที่จะหนุนราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลกในปีนี้มีโอกาสที่จะส่งผลกระทบต่อการผิดนัดชำระหนี้ของบรรดาหุ้นกู้ทั่วโลก ซึ่งอาจทำให้เงินทุนจำเป็นต้องไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง
ข่าวเด่น