ดัชนีมีการแกว่งตัวแคบๆ ตลอดทั้งวัน โดยในช่วงเช้ามีการกระโดดเปิด GAP ขึ้นไป ก่อนจะถูกขายทำกำไรกลับลงมาที่เดิม เป็นลักษณะของการเก็งกำไรระยะสั้นๆ เท่านั้นอันเนื่องมาจากตลาดต่างประเทศที่ยืนในแดนบวกได้ ในขณะที่ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยยังไม่น่าจะมีปัจจัยบวกอะไรที่ชัดเจน
ขณะที่ปัจจัยลบกลับรอเวลาปะทุมากกว่าจากผลประกอบการที่จะทยอยประกาศ ซึ่งจะสะท้อนผลกระทบจากสถานการณ์โควิด19 ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ดังนั้นวันนี้ (18 พ.ค.) หากดัชนีประคองตัวหรือปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันแถวๆ 1,283 จุดไม่ได้เป็นอย่างน้อย ดัชนีน่าจะซึมลงต่อโดยมีแนวรับถัดไปที่เส้นค่าเฉลี่ย 25 วันและจุดต่ำสุดเดิมในรอบสัปดาห์แถวๆ 1,263-1.252 จุดได้ต่อไป ในขณะที่แนวต้านสั้นๆ อยู่แถวๆ 1289 จุด
สำหรับหุ้นที่น่าจับตามองสัปดาห์นี้ ได้แก่ หุ้น BEAUTY ซึ่งมีแนวรับ 1.70-1.68 บาท แนวต้าน 1.76-1.77 , 1.83-1.84 บาท โดยระดับราคาปรับตัวลงไปทดสอบแนวรับที่จุดต่ำสุดเดิม 1.70 บาทแล้วไม่หลุด อีกทั้งยังมีการประคองตัวดีดกลับเล็กน้อย จากประเด็นของผลประกอบการที่ออกมาไม่ดีจากช่วงโควิด19 ระบาดทำให้ระดับราคามีการสะท้อนผลประกอบการไปแล้ว และสามารถยืนปิดเหนือแนวรับได้ไม่ทำ New low
ดังนั้นวันนี้หากระดับราคาไม่หลุดหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 1.70 บาทอีก อาจมีลุ้นดีดกลับสั้นๆ แถวๆ 1.76-1.77 บาทได้อีกครั้ง
SPA แนวรับ 5.90-5.85 , 5.70 บาท แนวต้าน 6.10-6.15 , 6.35-6.45 บาทระดับราคาปรับตัวลดลงเล็กน้อยสะท้อนผลประกอบการที่มีกำไรลดลงเนื่องจากสถานการณ์ระบาดของโควิด19 แต่คาดว่าการะบาดจะสามารถควบคุมได้ ทำให้แนวโน้มที่บริษัทจะกลับมาเปิดดำเนินงานอีกครั้งมีความเป็นไปได้สูง
หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 5.90-5.85 บาทซะก่อน ระดับราคาน่าจะมีลุ้นดีดกลับสั้นๆ ขึ้นไปยืนเหนือระดับ 6.10-6.15 บาทได้อีกครั้ง
SEAOIL แนวรับ 2.40 , 2.28 บาท แนวต้าน 2.54-2.60 , 2.68 บาท ระดับราคามีการแกว่งตัวออกด้านข้างโดยสามารถประคองตัวปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันได้ อีกทั้งผลประกอบการก็ไม่แย่เนื่องจากมีรายได้จากการขายทำกำไรในกิจการโซล่าฟาร์ม ทำให้บริษัทฯ มีเงินสดหมุนเวียนเพิ่มขึ้น
ดังนั้นวันนี้หากระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 2.40 บาทซะก่อน ระดับราคาน่าจะยังมีโอกาสแกว่งตัวขึ้นต่อได้แถวๆ 2.54-2.60 บาทต่อไป
ด้านตลสดทองคำสัปดาห์ที่ผ่านเมื่อถึงเวลา 10.30 น วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 โดยราคาทองคำล่าสุดอยู่ที่ 1,731.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเมื่อสัปดาห์ก่อนอยู่บริเวณ 1,700.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เท่ากับเปลี่ยนแปลงปรับขึ้นถึง 30.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้รับปัจจัยจากดอลลาร์หสรัฐอ่อนค่าด้วยการจ้างงานของสหรัฐยังอ่อนแอจากผลของไวรัสโควิด-19
ส่วนราคาทองคำโลกสัปดาห์ที่แล้วเคลื่อนไหวทำจุดต่ำสุดและสูงสุดไว้ที่ 1,691.50-1,736.34 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคายังแกว่งตัวระหว่างสัปดาห์มาก โดยเคลื่อนไหวตามการแข็งค่าอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐเป็นหลัก ซึ่งได้รับผลกระทบจากข่าวตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐไม่ว่าการจ้างงาน หรือแม้กระทั่งข่าวเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของรัฐบาลสหรัฐว่าจะผ่อนคลายการใช้ชีวิตและการทำธุรกิจในสหรัฐมากน้อยขนาดไหน
สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาแข็งค่าขึ้น 0.115 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งล่าสุดอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ที่ 32.075 บาทต่อดอลลาร์ จากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 32.190 บาทต่อดอลลาร์ โดยระหว่างสัปดาห์แกว่งตัวในกรอบ 32.190-32.075 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนคำแนะนำ สำหรับนักลงทุนระยะสั้น ราคาทองคำโลกแกว่งตัวในกรอบกว้าง 1,680-1,730 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่มีแนวโน้มจะทะลุเหนือแนวต้าน 1,730 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ แนะนำซื้อเก็งกำไรเมื่อใกล้แนวรับหรือต่ำกว่า 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือซื้อตามเมื่อทะลุเหนือ 1,740 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป้าหมายต่อไป 1,750 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และ 1,820 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับนักลงทุนระยะยาว ยังแนะนำถือทองคำต่อไป เป้าหมายปีนี้อยู่บริเวณ 1,650-1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ที่เคยให้ไว้เมื่อปลายปีที่ผ่านมานั้นถึงแล้ว แต่ยังมีโอกาสพุ่งสูงกว่าเป้าหมายอื่นถัดไปเช่นกัน โดยเป้าหมายถัดไปจะอยู่ 1,750 และ 1,820 ดอลลาร์ต่อออนซ์ตามลำดับ
รไม่ใช่เพียงไวรัสโควิด-19 เท่านั้นที่จะหนุนราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลกในปีนี้มีโอกาสที่จะส่งผลกระทบต่อการผิดนัดชำระหนี้ของบรรดาหุ้นกู้ทั่วโลกซึ่งอาจทำให้เงินทุนจำเป็นต้องไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง
ข่าวเด่น