ดัชนีปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญโดยเฉพาะในช่วงท้ายสัปดาห์ที่มีประเด็นร้อนแรงจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ไม่ว่าจะเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของสหรัฐที่ทำต่อเกาะฮ่องกง หรือการกีดกันบริษัทจากจีนออกจากตลาดหลักทรัพย์ในสหรัฐก็ตาม
จากประเด็นดังกล่าวหลายๆ สำนักกังวลว่าจะเกิดสงครามการค้ารอบใหม่ ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงแรงโดยเฉพาะฮ่องกงลงไปกว่า 1,300 จุด ดังนั้นวันนี้ (25 พ.ค.) หากดัชนีไม่ถอยกลับลงมา หรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 1,300 จุดซะก่อน ดัชนีจึงจะมีลุ้นดีดกลับสั้นๆ ได้แถวๆ 1,311-1,315 จุด ในขณะที่แนวรับน่าจะอยู่แถวๆ เส้นค่าเฉลี่ย 25 และ 75 วันที่ 1,285-1,275 จุด ซึ่งโอกาสที่ดัชนีจะซึมลงต่อมีความเป็นไปได้สูง
ส่วนหุ้นที่น่าจับตามองในสัปดาห์นี้ ได้แก่ หุ้น KASET ซึ่งมีแนวรับ 1.43-1.42 บาท แนวต้าน 1.48 บาท
ระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นมาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันได้อีกครั้ง โดยที่ในระหว่างวันหลุดลงไปต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันด้วยแต่สามารถดีดกลับขึ้นมาได้จากเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน
ดังนั้นวันนี้ หากดัชนีไม่ถอยกลับลงมาปิดต่ำกว่า 1.43-1.42 บาทอีก ระดับราคาน่าจะได้ลุ้นดีดกลับขึ้นทดสอบ 1.48 บาท ก่อนผ่านขึ้นทำ New high แถวๆ 1.51-1.54 บาทต่อไป
CKP แนวรับ 4.38 , 4.20 บาท มีแนวต้าน 4.54 , 4.84 บาท โดยระดับราคามีการถอยกลับลงมาเล็กน้อยแต่ยังประคองตัวปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันได้ แต่โดยรวมๆ แล้วระดับราคามีการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องมาโดยตลอดกว่า 2 เดือนแล้วและทำ New high ในรอบ 2 เดือนได้แล้ว
หากวันนี้ ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 4.32 บาทซะก่อน หรือเต็มที่ไม่หลุด 4.20 บาท ระดับราคาน่าจะได้ลุ้นขึ้นต่อแถวๆ 4.54 , 4.84 บาทต่อไป
NER มีแนวรับ 2.52 บาท และมีแนวต้าน 2.64 , 2.74-2.86 บาท โดยระดับราคามีการปรับตัวขึ้นแรงไปในทิศทางเดียวกับหุ้นยางตัวอื่นๆ ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะกำลังเข้าสู่หน้าฝน และอีกส่วนมาจากสัญญาณเทคนิคที่เกิดสัญญาณ Golden cross
ดังนั้นวันนี้ หากระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 2.52 บาทซะก่อน ระดับราคาน่าจะได้ลุ้นดีดกลับขึ้นทดสอบ 2.64 บาทอีกครั้ง ก่อนผ่านขึ้นทำ New high ได้อีกแถวๆ 2.74-2.86 บาทต่อไป
ส่วนภาวะตลาดทองคำสัปดาห์ที่ผ่านเมื่อถึงเวลา 10.50 น วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 โดยราคาทองคำล่าสุดอยู่ที่ 1,726.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเมื่อสัปดาห์ก่อนอยู่บริเวณ 1,741.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์เท่ากับเปลี่ยนแปลงปรับลง 15.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้รับปัจจัยจากข่าวบริษัทโมเดอน่าด้านไบโอเทค ของสหรัฐประกาศความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19
ส่วนราคาทองคำโลกสัปดาห์ที่แล้วเคลื่อนไหวทำจุดต่ำสุดและสูงสุดไว้ที่ 1,717.02-1,764.97 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งราคาทำจุดสูงสุดในใหม่ในรอบ 7 ปี จากความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะทรุดตัวต่อเนื่องหลังเฟดยังไม่เดินใช้อัตราดอกเบี้ยติดลบ แต่ราคาทองคำในช่วงกลางถึงปลายสัปดาห์ย่อตัวลงหลังบริษัท Moderna ด้านไบโอเทคได้ผลิตวัคซีนที่กระตุ้นการสร้างภูมิต้านทานในร่างกายเพื่อต้านไวรัสโควิด-19 ในมนุษย์ได้สำเร็จ ส่งผลให้ราคาทองคำโลกเริ่มย่อตัวลงมาจากจุดสูงสุดอีกครั้ง
สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาแข็งค่าขึ้น 0.230 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งล่าสุดอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ที่ 31.850 บาทต่อดอลลาร์ จากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 32.080 บาทต่อดอลลาร์ โดยระหว่างสัปดาห์แกว่งตัวในกรอบ 31.790-32.080 บาทต่อดอลลาร์
คำแนะนำ สำหรับนักลงทุนระยะสั้น ราคาทองคำโลกขึ้นมาถึงเป้าหมายที่เราให้ไว้แล้วที่ 1,750 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และยังมีเป้าถัดไปที่ 1,820 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำนักเก็งกำไรรอซื้อทองคำบริเวณ 1,700-1,720 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อรอขายเป้าหมายถัดไป แต่หากหลุดต่ำกว่า 1,680 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ตัดขาดทุนแล้วรอดูสถานการณ์อีกครั้ง
สำหรับนักลงทุนระยะยาว ยังแนะนำถือทองคำต่อไป เป้าหมายถัดไปจะอยู่ 1,750 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และ 1,820 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ ไม่ใช่เพียงไวรัสโควิด-19 เท่านั้นที่จะหนุนราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลกในปีนี้มีโอกาสที่จะส่งผลกระทบต่อการผิดนัดชำระหนี้ของบรรดาหุ้นกู้ทั่วโลกซึ่งอาจทำให้เงินทุนจำเป็นต้องไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง
ข่าวเด่น