ภาพรวมตลาดหุ้นโลก แม้ยังยืนอยู่ในระดับสูง จากสภาพคล่องส่วนเกินที่คอยหนุนตลาด ส่งผลให้ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ฟื้นขึ้นมาเกินกว่าครึ่งทางของการปรับฐานในช่วงก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม ดัชนีหลายแห่งทั่วโลกถือว่า อยู่ในระดับที่แพง สะท้อนจากล่าสุดดัชนี MSCI ACWI (อ้างอิงตลาดหุ้นทั่วโลก) มีค่า PER สูงถึง 20.1 เท่า (ขณะที่ตลาดหุ้นไทยมี PER 20.37 เท่า) และต่อจากนี้ยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงรอบด้าน ทั้งประเด็น Trade War ที่กลับมามีน้ำหนักต่อตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ หลังสหรัฐมีโอกาสปรับหุ้นจีนออกจากตลาดสหรัฐ ความไม่สงบในประเทศฮ่องกง เป็นต้น
และอาจเป็น Sentiment เชิงลบต่อหุ้นในกลุ่มส่งออก และกลุ่ม Global Play ได้ ซึ่งจะกดดันต่อ SET Index ในระยะต่อไป
ดังนั้น ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส มองว่า นักลงทุนต้องเตรียมความพร้อมสำหรับรับมือกับประเด็นต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น กลยุทธ์การลงทุนเน้นหลบภัยเข้าหุ้นปันผลสูง อย่าง DIF, LH และหุ้นมั่นคงพื้นฐานแข็งแกร่ง ที่ธุรกิจเน้นสินค้าจำเป็น ADVANC, BDMS, CPALL,TTW และ BCPG
Top Pick เลือก ADVANC, BCPG
ADVANC ราคาหุ้นปรับฐานตอบรับผลกระทบเชิงลบการแข่งขันและ COVID-19 ไปแล้ว ขณะที่ปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณการแข่งขันในอุตสาหกรรมดีขึ้น จากการจำกัดปริมาณใช้ข้อมูลแพ็คเกจ Unlimted Data ของลูกค้าเติมเงิน ซึ่งบวกต่อ ADVANC ที่มีฐานลูกค้ามากสุด
อีกทั้งระยะยาวมีโอกาสเรียกเก็บค่าบริการ 5G เพิ่มได้ หลัง TRUE แสดงจุดยืนที่จะเรียกเก็บค่าบริการ 5G สูงขึ้นเช่นเดียวกัน และยังมีฐานะการเงินแข็งแกร่งกระแสเงินสดจากการดำเนินงานสูงปีละ 6.0-7.0 หมื่นล้านบาท และคาดหวัง Div Yield เกือบ 4% ต่อปี
BCPG ทิศทางกำไรปีนี้อยู่ในช่วงขาขึ้น เริ่มตั้งแต่ 2Q63 ที่คาดจะฟื้นตัว QoQ และจะโดดเด่นมากขึ้นใน 2H63 จากการเข้าสู่ High season โรงไฟฟ้าพลังน้ำที่ลาว ส่งผลให้ทั้งปี 2563 คาดกำไรปกติเติบโต 18%YoY โดดเด่นสุดในกลุ่มพลังงานทดแทนปีนี้
นอกจากนี้ยังมี upside ระยะยาวที่ยังไม่รวมในประมาณการจากโรงไฟฟ้าพลังลม Swan 270 MWe ที่ปัจจุบันกำลังรอเซ็นต์ PPA ในปีนี้ ซึ่งหากสำเร็จจะทำให้กำลังการผลิต BCPG เพิ่มขึ้นเป็น 842 MWe จากปัจจุบันที่มีในมือ 572 MWe โดยราคาหุ้น ณ ปัจจุบันมี upside 19% และปันผลทุกไตรมาสรวม Div. yield 4% p.a.
ข่าวเด่น