การลงทุนในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หลังจากผ่านขึ้นไปทำ New high และออกไปเล่นนอกกรอบ BollingerTop ในช่วงกลางสัปดาห์ โดยดัชนีอ่อนตัวลงมาแตะเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันแล้วไม่หลุดอีก ทั้งยังดีดกลับขึ้นปิดได้ในระดับสูงของวัน มองว่าเป็นการปรับฐานระยะสั้นไปแล้ว
หากวันนี้ (1 มิ.ย.) ดัชนีไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันแถวๆ 1,339-1,336 จุดซะก่อน หรือเต็มที่ไม่หลุดเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันแถวๆ 1,327 จุดอีก ดัชนียังมีลุ้นดีดกลับขึ้นรอบใหม่ได้แถวๆ 1,344 จุด ก่อนผ่านขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิมแถวๆ 1,356-1,358 จุดต่อไป
ส่วนหุ้นที่น่าจับตามองในสัปดาห์นี้ ได้แก้หุ้น SPA ซึ่งแนวรับ 7.60-7.40 บาท แนวต้าน 8.25 บาท ระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นทำ New high ในรอบเกือบ 3 เดือน โดยระดับราคาดีดกลับขึ้นมาพร้อมด้วยวอลุ่มซื้อขายที่สูงมาก ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากกระแสการปลดล๊อกดาวน์ในภาคธุรกิจ ทำให้กิจการสามารถกลับมาดำเนินงานได้อีกครั้ง
ดังนั้นวันนี้หากระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 7.60-7.40 บาทซะก่อน ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นต่อได้แถวๆ เส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 8.25 บาทต่อไป
ตามมาด้วย หุ้น MAJOR ซึ่งมีแนวรับ 17.00-16.90 บาท แนวต้าน 18.30 บาท ระดับราคาเริ่มดีดกลับขึ้นมาทำ New high วันต่อวันได้เล็กน้อยอีกครั้งหลังจากอ่อนตัวลงไปแตะเส้นค่าเฉลี่ย 10 และ 75 วันแล้วมีการดีดกลับ ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากกระแสการปลดล๊อกดาวน์ในภาคธุรกิจ ทำให้กิจการสามารถกลับมาดำเนินงานได้อีกครั้ง
ดังนั้นวันนี้หากระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 17.00-16.90 บาทอีก ระดับราคาน่าจะได้ลุ้นดีดกลับขึ้นทำ New high โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 18.30 บาท
และหุ้น KIAT ซึ่งมีแนวรับ 0.44 บาท แนวต้าน 0.46 , 0.49 บาท ระดับราคาเริ่มปรับตัวขึ้นทำ New high ต่อเนื่องแบบช้าๆ โดยมีวอลุ่มซื้อขายเพิ่มสูงขึ้นพอสมควรพร้อมทั้ง MACD กำลังดีดกลับขึ้นยืนเหนือ SIGNAL อีกครั้ง
หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันแถวๆ 0.44 บาทซะก่อน ระดับราคาน่าจะได้ลุ้นผ่านขึ้นทดสอบเส้น BollingerTop ที่ 0.46 บาท ก่อนผ่านขึ้นทำ New high แถวๆ 0.49 บาทต่อไป
ด้านภาวะตลาดทองคำสัปดาห์ที่ผ่านเมื่อถึงเวลา 12.00 น. วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา โดยราคาทองคำล่าสุดอยู่ที่ 1,720.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเมื่อสัปดาห์ก่อนอยู่บริเวณ 1,734.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เท่ากับเปลี่ยนแปลงปรับลง 14.32 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้รับปัจจัยจากพัฒนาการของบรรดาผู้ผลิตยาต้านไวรัสโควิด-19
ส่วนราคาทองคำโลกสัปดาห์ที่แล้วเคลื่อนไหวทำจุดต่ำสุดและสูงสุดไว้ที่ 1,693.81-1,735.42 ดอลลาร์ต่อออนซ์มีแรงขายทองคำออกมาตอบรับข่าวของ บริษัทโนวาแว็กซ์ ผู้พัฒนาวัคซีน รายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา มีการทดลองเฟสแรกเรียบร้อยแล้ว และจะทราบผลในเดือนกรกฎาคมนี้ ทำให้มีความหวังว่าสถานการณ์แพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 จะดีขึ้น
ส่งผลให้ราคาทองคำปรับลงจากแรงขายของนักลงทุน ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐเริ่มกลับมาฟื้นตัว ไม่ว่าจะเป็นยอดขายบ้านใหม่เดือนเมษายนที่ผ่านมา หรือความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพฤษภาคม ก็ปรับไปในทิศทางบวก จึงกดดันให้ราคาทองคำย่อตัวลง
สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาแข็งค่าขึ้น 0.05 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งล่าสุดอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ที่ 31.820 บาทต่อดอลลาร์ จากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 31.870 บาทต่อดอลลาร์ โดยระหว่างสัปดาห์แกว่งตัวในกรอบ 31.810-32.000 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
คำแนะนำ สำหรับนักลงทุนระยะสั้น ราคาทองคำโลกขึ้นมาถึงเป้าหมายที่เราให้ไว้แล้วที่ 1,750 ดอลลาร์ต่อออนซ์และยังมีเป้าถัดไปที่ 1,820 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำนักเก็งกำไร รอซื้อทองคำบริเวณ 1,700-1,720 ดอลลาร์ต่อออนซ์เพื่อรอขายเป้าหมายถัดไป แต่หากหลุดต่ำกว่า 1,680 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ตัดขาดทุน แล้วรอดูสถานการณ์อีกครั้ง
สำหรับนักลงทุนระยะยาว ยังแนะนำถือทองคำต่อไป เป้าหมายถัดไปจะอยู่ 1,750 และ 1,820 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ ไม่ใช่เพียงไวรัสโควิด-19 เท่านั้นที่จะหนุนราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลกในปีนี้มีโอกาสที่จะส่งผลกระทบต่อการผิดนัดชำระหนี้ของบรรดาหุ้นกู้ทั่วโลกซึ่งอาจทำให้เงินทุนจำเป็นต้องไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง
ข่าวเด่น