ดัชนีมีการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์แล้ว อีกทั้งยังมีการกระโดดเปิด GAP อีกด้วยพร้อมทั้งทำ New high ในรอบ 3 เดือน ส่วนหนึ่งเกิดจากการไล่ซื้อกลับในหุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ เช่น แบงค์และพลังงาน ทำให้มีวอลุ่มซื้อขายเพิ่มสูงขึ้น ทะลุหลักแสนล้านบาท
ในขณะที่สัญญาณทางเทคนิคพบว่า ดัชนีมีการปรับตัวขึ้นออกไปนอกกรอบ BollingerTop ต่อเนื่องและปิดในระดับสูงของวันอีกด้วย ซึ่งวันนี้ (8 มิ.ย.) มีโอกาสที่ดัชนีจะปรับตัวขึ้นต่อ โดยมีแนวต้านสั้นๆ แถวๆ เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ที่ 1,475 จุด น่าขายทำกำไรเล่นรอบ โดยมีแนวรับอยู่แถวๆ 1,481 จุด หรือเต็มที่ไม่หลุด 1,400 จุด ยังสามารถซื้อเก็งกำไรสั้นๆ ได้
ส่วนหุ้นที่น่าจับตามองสัปดาห์นี้ ได้แก่หุ้น SPA ซึ่งมีแนวรับ 7.85 , 7.60 บาท และมีแนวต้าน 8.25 , 8.95 บาท โดยระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นทำ New high ในรอบ 3 เดือน โดยระดับราคาดีดกลับขึ้นมาพร้อมด้วยวอลุ่มซื้อขายที่สูงมากต่อเนื่อง และระดับราคากำลังจะดีดกลับขึ้นทดสอบแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันอีกด้วย
หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 7.85 บาทอีกหรือเต็มที่ไม่หลุดลงมาต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันที่ 7.60 บาทซะก่อน ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นต่อได้แถวๆ 8.25 บาทต่อไป
ส่วน หุ้น MAJOR ซึ่งมีแนวรับ 17.70 , 17.40 บาท ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 18.30-18.60 , 19.30 บาท โดยระดับราคาดีดกลับขึ้นมาทำ New high ในรอบสัปดาห์ได้อีกครั้ง พร้อมวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นพอสมควร โดยได้กระแสการปลดล๊อกธุรกิจจากภาวะโควิด-19 ระบาด
หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาปิดต่ำกว่า 17.70 บาทซะก่อน หรือเต็มทีไม่หลุด 17.40 บาท ระดับราคาน่าจะได้ลุ้นดีดกลับขึ้นต่อแถวๆ 18.30-18.60 บาทต่อไป
ด้านหุ้น MVP มีแนวรับ 1.24-1.22 บาท และมีแนวต้านที่ 1.28 , 1.34 บาท โดยระดับราคา มีความพยายามดีดกลับขึ้นปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันอีกครั้ง หลังจากหลุดลงไป 3 วันพร้อมวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น
หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 1.24-1.22 บาทซะก่อน ระดับราคาน่าจะได้ลุ้นดีดกลับขึ้นต่อแถวๆ 1.28 บาท หรือขยับขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิมในรอบสัปดาห์ที่ 1.34 บาทต่อไป
ขณะที่ด้านภาวะตลาดทองคำสัปดาห์ที่ผ่านเมื่อถึงเวลา 10.30 น. วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2563 โดยราคาทองคำล่าสุดอยู่ที่ 1,719.02 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเมื่อสัปดาห์ก่อนอยู่บริเวณ 1,729.33 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เท่ากับเปลี่ยนแปลงปรับลง 19.31 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้รับปัจจัยจากการฟื้นตัวของราคสินทรัพย์เสี่ยงต่อเนื่องหลังข่าวความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิท-19 และการผ่อนคลายกิจกรรมทางสังคมในหลายๆประเทศเพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อได้
ส่วนราคาทองคำโลกสัปดาห์ที่แล้วเคลื่อนไหวทำจุดต่ำสุดและสูงสุดไว้ที่ 1689.52-1,745.33 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มีแรงขายออกมาต่อเนื่องอีกสัปดาห์ตั้งแต่มีข่าวความคืบหน้าของบริษัทหลายแห่งในการผลิตวัคซีนต้านเชื้อไวรัสโควิท-19 ก่อนหน้านี้ ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกและราคาสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆปรับขึ้นแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา ลดความสำคัญสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำลง
ประกอบกับตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสถาบัน ADP สหรัฐประจำเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาก็ดีเกินที่ตลาดคาดการณ์เช่นกัน
นอกจากนี้ในหลายๆ ประเทศเริ่มเปิดให้ประชาชนกลับมาทำกิจกรรมทางสังคมได้มากยิ่งขึ้นแต่ก็ยังรักษาระยะห่างระหว่างบุคคลอยู่เพื่อป้องกันการกลับมาระบาดของไวรัสโควิท-19 อีกระลอก
สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาแข็งค่าขึ้น 0.30 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งล่าสุดอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ที่ 31.51 บาทต่อดอลลาร์ จากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 31.81 บาทต่อดอลลาร์ โดยระหว่างสัปดาห์แกว่งตัวในกรอบ 31.485-31.825 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ดังนั้นคำแนะนำ สำหรับนักลงทุนระยะสั้น ราคาทองคำโลกขึ้นมาถึงเป้าหมายที่เราให้ไว้แล้วที่ 1,750 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และยังมีเป้าถัดไปที่ 1,820 ดอลลาร์ต่อออนซ์ กลุ่มนักเก็งกำไร ควรรอซื้อทองคำบริเวณ 1,700-1,720 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งลงมาถึงแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมา
และแนะนำรอขายเป้าหมาย 1,750 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือเป้าหมายถัดไป แต่หากหลุดต่ำกว่า 1,680 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ตัดขาดทุนแล้วรอดูสถานการณ์อีกครั้ง
สำหรับนักลงทุนระยะยาว ยังแนะนำถือทองคำต่อไป เป้าหมายถัดไปจะอยู่ 1,750 และ1,820 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ ไม่ใช่เพียงไวรัสโควิด-19 เท่านั้นที่จะหนุนราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลกในปีนี้มีโอกาสที่จะส่งผลกระทบต่อการผิดนัดชำระหนี้ของบรรดาหุ้นกู้ทั่วโลก ซึ่งอาจทำให้เงินทุนจำเป็นต้องไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง
ข่าวเด่น