กลยุทธ์การลงทุน:
SET ยังมีความผันผวน แม้มีปัจจัยบวกเรื่องมาตรการ อย่างไรก็ตามดัชนีที่ปรับขึ้นมาต่อเนื่อง และมูลค่าที่ตึงตัวกระตุ้นแรงขายทำกำไรเป็นระยะๆ รวมถึงกังวล Second wave ของ COVID-19 ทั้งนี้เราประเมิน SET เป็น 3 รูปแบบ และกลยุทธ์ที่เหมาะสม ได้แก่ 1) หากเคลื่อนไหวในกรอบ 1340-1400 จุด ให้ใช้การเก็งกำไรระยะสั้น 2) หากหลุดต่ำกว่า 1340 จะลงต่อหา 1300 จุด ให้ลดการเก็งกำไร และรอบริเวณ 1300 จุด เพื่อเริ่มซื้อสะสมสำหรับระยะกลาง-ยาว และ 3) หากขึ้นทะลุ 1400 จุด มีแนวโน้มขึ้นหา 1430-1450 จุดอีกครั้ง ให้ซื้อหุ้นสัดส่วน 20% เข้ามาในพอร์ต ส่วนแนวโน้มวันนี้ คาดเคลื่อนไหวภายในกรอบ โดยมีกรอบบนที่ 1382-1395 จุด และกรอบล่างที่ 1350-1360 จุด
ล็อคเป้าลงทุน:
- คาด SET ยังมีความผันผวน หลังจากวานนี้ปรับขึ้นแรงแต่มูลค่าการซื้อขายกลับลดลง สะท้อนถึงการขึ้นที่ไม่แข็งแรงและต้องระมัดระวังแรงขายในระหว่างวัน ในช่วงนี้ให้ติดตามจุดสำคัญบริเวณ 1400 จุด หากขึ้นทะลุผ่านได้ สัญญาณจะกลับมาเป็นบวก หากยังไม่ผ่านภาพรวมยังเป็นลบ และมีโอกาสปรับลงได้ต่อ
- ในระยะสั้น นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง ยังสามารถเก็งกำไรระหว่างวันได้ แต่ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่ม Cyclical Rotation คือ PTTEP TOP PTTGC หุ้นเดินเรือ PSL น่าจะได้อานิสงส์ BDI วานนี้ +8.3% และปรับขึ้นติดต่อกัน 13 วัน ขณะที่หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการท่องเที่ยวในประเทศอย่าง MINT น่ายังมี momentum เชิงบวกอยู่
ประเด็นสำคัญ
# ตลาดหุ้นสหรัฐปรับเพิ่มขึ้น-ปัจจัยบวกบวกหนุนลดความกังวลช่วงสั้น
โดยยอดค้าปลีก พ.ค. เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ 17.7% ดีกว่าคาด 7.7% ตามด้วยรายงานว่ายา Dexamethasone ซึ่งเป็นยาในกลุ่มสเตอรอยด์ที่ใช้กันทั่วไปลดอัตราการเสียชีวิตผู้ป่วยโควิด-19 ได้ถึง 1 ใน 3 นอกจากนี้ คณะทำงานของทรัมป์เตรียมแผนการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน วงเงิน 1 ล้านล้านเหรียญ แม้ว่าถ้อยแถลงของปธ.Fed ต่อวุฒิสภาวานนี้จะแสดงความกังวลต่อ ศก.สหรัฐยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนจากโควิด-19
# ราคาน้ำมันปรับขึ้น หลัง IEA ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์ปีนี้ขึ้น
โดยคาดไว้ที่ 91.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นอีก 5 แสนบาร์เรลต่อวันจากคาดการณ์เมื่อเดือน พ.ค. ขณะที่อุปทานลดลงไปถึง 12 ล้านบาร์เรลต่อวัน และกำลังผลิต shale oil ในสหรัฐก็ลดลงต่ำสุดในรอบ 2 ปี
# ครม.ชอบมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ 3 แพคเกจ
ในช่วง 1 ก.ค.-31 ต.ค. วงเงิน 2.24 หมื่นลบ. เราคาดว่า ERW จะได้รับประโยชน์มากที่สุด เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้จากแขกคนไทยมากที่สุด (หลักๆ ที่โรงแรมชั้นประหยัด HOP INN) ที่ 18% ของรายได้ ตามมาด้วย CENTEL (6%), AWC (2%) และ MINT (1%)
Wealth Strategy
ลดหย่อนภาษีกับกองทุน SSFX ประเภท Passive Fund ที่ให้ผลตอบแทน 1 เดือนโดดเด่น KTESGS-SSFX, SCBSET-SSFX, PRINCIPAL SET50SSF-SSFX สามารถซื้อเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนได้ถึง 30 มิ.ย. (เท่านั้น)
บทวิเคราะห์วันนี้
กลุ่มท่องเที่ยว – มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ
CPALL – คาด 2Q63 ได้รับผลกระทบจากมาตรการสกัดโควิด-19
ข่าวเด่น