กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลครบุรี โรงไฟฟ้าชีวมวล พร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 24 ส.ค. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 2,800 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "KBSPIF"
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลครบุรี เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มทรัพยากร หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "KBSPIF" ในวันที่ 24 สิงหาคม 2563
KBSPIF ลงทุนในสิทธิในผลประโยชน์จากการประกอบกิจการไฟฟ้าของบริษัท ผลิตไฟฟ้าครบุรี (KPP) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ใช้กากอ้อยเป็นเชื้อเพลิง โดย KBSPIF จะลงทุนในสิทธิประโยชน์ที่มีอายุสัญญาราว 20 ปี สิ้นสุดอายุสัญญาโอนผลประโยชน์ฯ วันที่ 31 ธันวาคม 2582 ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าที่ผลิตไฟของทั้งสองสัญญาได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์มาแล้วตั้งแต่ มกราคมปี 2558
กองทุนนี้จะได้รับผลประโยชน์คิดเป็น 62% ของรายได้ค่าไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจำนวน 2 สัญญา คือ สัญญาซื้อขายไฟฟ้าประเภทโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ขนาด 22 เมกะวัตต์ ระหว่าง KPP กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) โดยพิจารณาเฉพาะรายได้ส่วนที่ไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ และราคาเฉลี่ยค่าถ่านหิน สัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่สองคือ สัญญาซื้อขายไฟฟ้าขนาด 3.5 เมกะวัตต์ ระหว่าง KPP กับ บมจ. น้ำตาลครบุรี (KBS) ซึ่งมีอัตราค่าไฟ 2.90 บาท/kw-h ตลอดอายุสัญญา
KBSPIF เสนอขายหน่วยลงทุนต่อผู้จองซื้อทั่วไป ระหว่างวันที่ 4-7 สิงหาคม และผู้จองซื้อพิเศษ 10-13 สิงหาคม 2563 จำนวน 280 ล้านหน่วย ในราคาหน่วยละ 10 บาท รวมมูลค่าเสนอขาย 2,800 ล้านบาท โดยมี บลจ. กรุงไทย เป็นบริษัทจัดการกองทุน และ บมจ. ธนาคารกรุงไทย เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่าย
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย จำกัด เปิดเผยว่า KBSPIF เป็นกองทุนที่ลงทุนในสิทธิในรายได้จากโรงไฟฟ้าชีวมวล โดย บลจ. ได้พิจารณาและประเมินศักยภาพของทรัพย์สินแล้วว่า สามารถสร้างโอกาสในรายได้ที่มั่นคง ทั้งจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว และมีอัตราการรับซื้อไฟฟ้าที่แน่นอนกับ กฟผ. และ KBS ดังนั้น การลงทุนในกองทุน KBSPIF จึงเป็นโอกาสและทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่จะได้มีส่วนร่วมลงทุนในธุรกิจพลังงานซึ่งให้โอกาสสร้างผลตอบแทนในระยะยาวที่สม่ำเสมอ
KBSPIF มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ไม่น้อยกว่าปีละ 2 ครั้ง โดยรวมแล้วในแต่ละรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว ภายหลังการเสนอขายหน่วยลงทุน KBSPIF มีผู้ถือหน่วยลงทุนรายใหญ่ 3 ลำดับแรก ได้แก่ บมจ. น้ำตาลครบุรี (KBS) ถือหน่วยลงทุน 15.00% บมจ. ไทยซัมซุงประกันชีวิต ถือหน่วยลงทุน 6.07% และ บมจ. กรุงเทพประกันชีวิต ถือหน่วยลงทุน 5.36%
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของกองทุนที่ www.kbspif.com และที่เว็บไซต์ www.set.or.th
ข่าวเด่น