กลยุทธ์การลงทุน:
คาด SET ยังปรับลงได้ต่อ โดยราคาน้ำมันที่เริ่มอ่อนตัว จะกดดัน SET ปรับลงได้ต่อ ผ่านกลุ่มน้ำมัน โรงกลั่น และปิโตรเคมี ซึ่งเรายังคงให้ลดน้ำหนัก หรือหลีกเลี่ยง ทั้งนี้ SET มีแนวรับถัดไปจาก 1293 จุด อยู่ที่ 1285 จุด ส่วนตลาดที่ในภาพรวมยังดูขาดปัจจัยหนุน ทำให้การฟื้นตัวจำกัด โดยกรอบบนอยู่ที่แนวต้าน 1303 และ 1308 จุด ตามลำดับ กลยุทธ์ พอร์ตลงทุนที่ได้ซื้อสะสมที่ 1300 จุดไปแล้วในสัดส่วน 25% แนะนำ ถือต่อ ส่วนการเก็งกำไรใช้ความระมัดระวัง โดยต้องกำหนดจุด cut loss เพื่อจำกัดความเสี่ยง ประเด็นสำคัญ ติดตามประชุม Jackson Hole 27-28 ส.ค. จะเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของตลาด
ล็อคเป้าลงทุน:
- สำหรับ theme การลงทุนเพื่อซื้อสะสมที่บริเวณ 1300 จุดหรือต่ำกว่า แนะนำหุ้น Defensive ที่เป็น Domestic Play ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกจำกัด เช่น กลุ่มการแพทย์ (BCH CHG) กลุ่มอาหาร (GFPT CPF) หุ้น Consumer IT (COM7 SYNEX) รวมทั้งหุ้น Market Cap ขนาดกลางที่แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 2H63 ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง YoY (ILINK WICE)
- แนะนำ BCH คาดกำไรปีนี้ผ่านจุดต่ำสุดใน 2Q63 แล้ว ขณะที่แนวโน้ม 2H63 จะดีขึ้นจากผู้ป่วยที่กลับมา และรายได้ประกันสังคมฟื้นตัว ทั้งนี้ ราคาหุ้นซื้อขายกันบน Valuation ไม่แพง Upside สูง 27% และมีเงินปันผลระหว่างกาล 0.10 บาท/หุ้น ขึ้น XD 27 ส.ค. นี้
ประเด็นสำคัญ
# ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้น หนุนจากรายงานตัวเลขศก.สหรัฐออกมาดี
โดย IHS Markit รายงานดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการ ส.ค. สูงสุดในรอบ 19 และ 17 เดือน ตามลำดับ รวมทั้งยอดขายบ้านมือสอง ก.ค.พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่มาตรการช่วยเหลือแรงงานยังไม่สามารถตกลงได้ ทางฝั่งเดโมแครตเสนอเงินช่วยเหลือ 600 เหรียญต่อสัปดาห์ แต่รีพับลิกันต้องการเสนอเงินช่วยเหลือน้อยกว่านั้น
# ราคาน้ำมันลดลง หลังแท่นขุดเจาะในสหรัฐเพิ่มขึ้น
โดย Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะในสหรัฐสัปดาห์ล่าสุดอยู่ที่ 183 แท่น ขึ้นมาจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 172 แท่น เป็นการเพิ่มในจำนวน 2 หลักครั้งแรกในรอบเกินกว่า 1 ปี
# ประเด็นสัปดาห์นี้: GDP 2Q63 ครั้งที่ 2, ประชุม Jackson Hole
สหรัฐจะรายงาน GDP 2Q63 ในวันที่ 27 ส.ค. คาดว่าจะยังคงหดตัวแรงที่ -32.5%QoQ จากครั้งแรกที่ -32.9%QoQ ขณะที่ 27-28 ส.ค. จะมีการประชุมประจำปีของ Fed ที่ Jackson Hole รัฐ Wyoming ในหัวข้อเกี่ยวกับแนวนโยบายการเงินในทศวรรษหน้า ซึ่งต้องติดตามว่าประธาน Fed จะมีความเห็นอย่างไรต่อนโยบายการเงินและเศรษฐกิจ
Wealth Strategy
ลงทุนหุ้นต่างประเทศ HERMES ผู้นำแบรนด์สินค้าหรูหรา โดยบริษัทมีจุดแข็งในการตั้งราคาสินค้าที่สูง ทำให้กำไรต่อหน่วยสูง และสามารถสร้างยอดขายเติบโต 10-15% ได้อย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะเติบโตในระดับนี้อีก 10 ปี จากความต้องการสินค้าหรูหราที่ไร้ขีดจำกัด
บทวิเคราะห์วันนี้
BJC – คาดฟื้นตัวอย่างช้าๆ ใน 2H63
GPSC – แนวโน้ม 2H63 ดีขึ้น แม้เกิดเหตุขัดข้องที่ GE เฟส 5
TOP – ปรับโครงสร้างการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า
ข่าวเด่น