หุ้นทอง
ส่องหุ้นมองทอง : กรอบราคาทอง1,900-1,970 ดอลล์ ไร้ปัจจัยใหม่หนุนตลาดคงโอกาส Sideway Down


ราคาทองคำผันผวนอย่างมากในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดที่ 2,015 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และปรับตัวลงแตะจุดต่ำสุดที่ 1,924 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำปรับตัวขึ้นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังโควิด-19กลับมาระบาดรอบ 2 ในหลายประเทศ อาทิ สหรัฐ เยอรมนี ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และสเปน

นอกจากนี้สหรัฐได้ประกาศยกระดับมาตรการกีดกันบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ ซึ่งเป็นธุรกิจโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีน โดยพุ่งเป้าไปที่การปิดช่องทางไม่ให้หัวเว่ยเข้าถึงชิปและเทคโนโลยีต่างๆ และสหรัฐยังขึ้นบัญชีดำบริษัทในเครือหัวเว่ยเพิ่มอีก 38 แห่ง ส่งผลให้ยอดรวมบริษัทในเครือหัวเว่ยที่ถูกขึ้นบัญชีดำอยู่ที่ 152 แห่ง โดยสหรัฐมองว่าหัวเว่ยอาศัยบริษัทกลุ่มนี้เพื่อฉวยประโยชน์จากเทคโนโลยีสหรัฐิเป็นปัจจัยหนุนต่อทองคำเพิ่มเติม
 

ทั้งนี้ทองคำปรับตัวลงกว่า 70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังเฟดเผยผลการประชุมโดยระบุว่า แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเผชิญกับความเสี่ยงหลายด้าน รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของไวรัสโควิด-19 โดยสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทรุดตัวลงอีก และจะนำไปสู่ภาวะชะงักงันทางเศรษฐกิจ

ขณะที่ เฟด ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายทางการเงินในช่วงฤดูใบไม้ร่วง

ดังนั้นจึงคาดกรอบราคาทองคำในสัปดาห์นี้ 1,900-1,970 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยที่  28,360-29,500 บาทต่อบาททองคำ โดยหากราคาหลุดแนวรับที่ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยให้ระวังแรงขายออกเพิ่มเติม

ขณะที่ด้านตลาดหุ้น เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (21 ส.ค.) ดัชนีปิดปรับตัวขึ้นเล็กน้อย 2.47 จุด เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาค หลังจากสหรัฐ-จีนมีแนวโน้มกลับมาเจรจากันอีกครั้ง

โดยที่ดัชนียังคงปิดต่ำกว่าระดับแนวต้านสำคัญที่ 1,300 จุด คาดเกิดจากความกังวลการชุมนุมประท้วงทางการเมืองภายในประเทศ โดยดัชนี SET Index ปิดที่ 1,299.26 จุด (+2.47 จุด) Volume 4.2 หมื่นล้านบาท

ด้านฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก จึงคาดทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ ปรับตัวลงในลักษณะ Sideway Down โดยยังขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนตลาด

ดังนั้น นักลงทุนยังคงต้องจับตาการเจรจาระหว่างสหรัฐ-จีน และสถานการณ์การเมืองในประเทศคาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,270-1,315 จุด

ส่วนหุ้นที่น่าจับตามมองในสัปดาห์นี้ ได้แก่ หุ้น PTG ซึ่งมีราคาปิดล่าสุดที่ 18.70 บาท โดยมีแนวรับที่ 18.40 บาท และมีแนวต้านที่ 19.00-19.90 บาท ปละจุด Cut Loss อยู่ที่ 18.30 บาท ซึ่งสามารถกลับมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย EMA ทุกระดับ พร้อม Volume เริ่มกระตุก และ Slow Sto. เพิ่งส่งสัญญาณบวกวันแรก หากผ่านต้าน 19.00 บาทได้ ลุ้นทดสอบ High เดิมที่ 19.90 บาท

ส่วนหุ้นอีกตัวคือ หุ้น THANI ซึ่งราคาล่าสุดปิดที่ระดับ 4.04 บาท โดยมีแนวรับที่ 4.54-5.00 บาท และจุด Cut LOSS อยู่ที่ 3.97 บาท โดยดีดตัวทำแท่งเขียวยาว พร้อม Volume สะสมเข้ามาต่อเนื่อง และ MACD เพิ่งพลิกส่งสัญญาณ Bullish หาก Break Out เส้น EMA-200 ที่ 4.54 บาท จะมีต้านถัดไปที่ 5.00 บาท

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 24 ส.ค. 2563 เวลา : 11:21:38
29-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 29, 2024, 6:51 pm