สำหรับราคาทองคำผันผวนอย่างมากในสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดที่ 1,976 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และปรับตัวลงแตะจุดต่ำสุดที่ 1,909 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำปรับตัวขึ้นหลังจีนยิงขีปนาวุธ 2 ลูกลงสู่ทะเลจีนใต้เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2573 หลังพบเครื่องบินสอดแนม U-2 ของสหรัฐฯ ลำหนึ่ง บินเข้ามาในเขตห้ามบินโดยไม่ได้รับอนุญาต ระหว่างที่กองทัพเรือของปักกิ่งกำลังซ้อมรบ
ทั่งนี้ ทองคำปรับตัวลง หลังมีความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างจีน และสหรัฐ โดยรองนายกรัฐมนตรีจีน ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับผู้แทนการค้าสหรัฐ และรัฐมนตรีคลังสหรัฐ ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะสร้างภาวะและบรรยากาศที่สร้างสรรค์ เพื่อผลักดันการดำเนินการตามข้อตกลงการค้าเฟสแรก พร้อมกับให้คำมั่นว่าจะดำเนินมาตรการที่จำเป็น เพื่อรับประกันความสำเร็จของข้อตกลงดังกล่าว
นอกจากนี้ ประธานเฟดได้ประกาศเปลี่ยนนโยบายการเงินครั้งสำคัญ โดยระบุว่า เฟดจะเปลี่ยนแปลงแนวทางในการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ ซึ่งจะเปิดทางให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นมากกว่าเดิมเพื่อสนับสนุนตลาดแรงงานและเศรษฐกิจสหรัฐ โดยการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินดังกล่าว
ส่งผลให้เฟดมีแนวโน้มน้อยลงที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่ออัตราว่างงานลดลง ตราบใดที่อัตราเงินเฟ้อไม่ได้ดีดตัวขึ้นแต่ไม่ได้ส่งสัญญาณการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมทำให้มีแรงขายในทองคำออกมา
ทั้งนี้ คาดกรอบราคาทองคำในสัปดาห์นี้ 1,900-1,980 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยที่ 27,830-29,130 บาทต่อบาททองคำ โดยหากราคาหลุดแนวรับที่ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ระวังแรงขายออกเพิ่มเติม
สัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีปิดปรับตัวขึ้นราว 24 จุด ขานรับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน มีความคืบหน้า ประกอบกับเฟดส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำ ด้วยเป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ยมากกว่า 2%
นอกจากนี้ ดัชนียังถูกหนุนด้วยกลุ่มโรงไฟฟ้า และหุ้นรายตัว อาทิ VGI ที่มีข่าว Kerry Express เตรียมยื่น Filing เข้าตลาด ขณะที่วันศุกร์ดัชนี SET Index ปิดลดลงเล็กน้อยที่ 1,323.31 จุด (-3.50 จุด) Volume 5.4 หมื่นล้านบาท
ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก คาดทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้แกว่งตัว Sideway ออกข้าง โดยมีแรงหนุนจากการที่เฟดจะใช้เครื่องมือใหม่ที่เรียกว่า "เป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ย"เพื่อสนับสนุนตลาดแรงงานและเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศยังเป็นตัวกดดันตลาด คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,300-1,350 จุด
ส่วนหุ้นที่น่าจับตามองสัปดาห์นี้ ได้แก่ EKH ราคาปิด 4.48 บาท มีแนวรับ 4.44 บาท มีแนวต้าน 4.64.5.15 บาท Cut Loss 4.40 บาท ดีดตัวขึ้นจากระดับ Bottom Zone พร้อม Volume เรื่มกระตุก และ Slow Sto. เพิ่งส่งสัญญาณบวกวันแรก หากผ่าน EMA-25 ที่ 4.64 บาทได้ ลุ้นทดสอบ EMA-50 ที่ 5.15 บาท
ส่วน MINT ราคาปิดที่ 23.00 บาท แนวรับ 22.80 บาท แนวรับอยู่ที่ 24.50-27.25 บาท และจุด Cut Loss 22.60 โดยทยอยไต่ระดับขึ้น โดยมีปริมาณการซื้อขายสะสมต่อเนื่อง และ MACD ส่งสัญญาณบวกในเขต Bullish หนุน หาก Break Out เส้น EMA-200 ที่ 24.50 บาทได้ จะมีต้านถัดไปที่ 27.25 บาท
ข่าวเด่น