บมจ. ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคทั้งในและต่างประเทศในลักษณะเครือข่ายขายตรง หรือ MLM พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 8 ก.ย. นี้ ด้วย มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา 1,140 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ ว่า “SCM”
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ. ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ ธุรกิจจำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคทั้งภายในประเทศและต่างประเทศในลักษณะเครือข่ายขายตรง (Multi-level Marketing หรือ “MLM”) เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดพาณิชย์ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “SCM” ในวันที่ 8 กันยายน 2563
SCM ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค ในลักษณะแบบเครือข่าย (Multi-level Marketing หรือ “MLM”) โดยมีผลิตภัณฑ์หลักที่สร้างรายได้ให้บริษัทกว่า 70% คือกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้แบรนด์ นิวทรินัล (Nutrinal) จัดจำหน่ายสินค้าผ่านเครือข่ายนักธุรกิจและตัวแทนจัดจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ปัจจุบันมีจุดกระจายสินค้าจำนวน 23 สาขาทั่วประเทศ มีการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศอีก 6 ประเทศ ได้แก่ พม่า กัมพูชา เวียดนาม ลาว มาเลเซีย และสิงคโปร์ ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้ เพื่อขยายและดำเนินการปรับปรุงในพื้นที่สาขาเพื่อเพิ่มช่องทางในการจัดจำหน่ายและกระจายสินค้า อีกทั้งดำเนินการเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัทฯ
SCM มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 450 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 150 ล้านหุ้น เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม – 1 กันยายน 2563 ในราคาหุ้นละ 1.90 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 285 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,140 ล้านบาท โดยมี บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ผู้จัดการการจำหน่ายหุ้นสามัญ SCM
นายแพทย์สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์ ประธานกรรมการบริหาร SCM เปิดเผยว่า มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่หุ้น SCM จะได้เข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พร้อมเชื่อมั่นว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จะช่วยยกระดับแบรนด์ของ SCM และสร้างการรับรู้แก่บุคคลทั่วไปในวงกว้างและสมาชิกรุ่นใหม่ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของบริษัทฯ ในอนาคต นอกจากนี้ การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จะช่วยเพิ่มโอกาสเติบโตทางธุรกิจของ SCM จากการนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ไปลงทุนเพื่อรองรับแผนการขยายธุรกิจในอนาคต
ขณะที่ นายนพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCM กล่าวเสริมว่า SCM ถือเป็นบริษัทในธุรกิจเครือข่ายอย่างเต็มตัวรายแรกของประเทศไทยที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานการดำเนินงานที่มีคุณภาพและสามารถตรวจสอบได้ ตอกย้ำว่าบริษัทฯ คือ ตัวจริงในธุรกิจเครือข่ายที่สามารถรักษาระดับยอดขาย
เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา และมีสินค้าที่มีคุณภาพ เป็นที่ยอมรับจากเครือข่ายสมาชิกและผู้บริโภค เพราะ SCM ให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้า เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจในเรื่องของสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี อีกทั้งมั่นใจว่า SCM จะเป็นหุ้นที่จับตามองสำหรับนักลงทุน โดยตั้งเป้าหมายที่จะเป็นหุ้นที่มีการเติบโตสูง (Growth Stock) และจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ (Dividend Stock) เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสเติบโตในระยะยาว
โดย SCM มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในแต่ละปี ในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลตามงบการเงินเฉพาะกิจการ และภายหลังการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย ทั้งนี้ อาจพิจารณาจ่ายเงินปันผลแตกต่างไปจากนโยบายที่กำหนดไว้ได้ ขึ้นอยู่กับผลประกอบการ สภาพคล่องทางการเงิน และความจำเป็นในการใช้เงินทุนหมุนเวียนเพื่อบริหารกิจการ และแผนการขยายธุรกิจในอนาคต รวมถึงภาวะเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ หลัง IPO SCM จะมีผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 ลำดับแรก ได้แก่ กลุ่มครอบครัวนายสิทธวีร์ เกียรติชวนันต์ ซึ่งถือหุ้นรวม 40.96% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว กลุ่มครอบครัวนายนพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ถือหุ้น 31.05%
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.successmore.com และที่ www.set.or.th
ข่าวเด่น