กรมการขนส่งทางบก แนะ!!! ประชาชนเตรียมพร้อมการเดินทางในช่วงวันหยุดยาว ตรวจสอบความพร้อมของรถก่อนเดินทาง ผู้ขับขี่พักผ่อนให้เพียงพอ ง่วงไม่ขับ เมาไม่ขับ คาดเข็มขัดนิรภัยและเมื่อขับขี่รถจักรยานยนต์ต้องสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งขณะขับขี่ ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องอุบัติเหตุจากการใช้รถใช้ถนน
นายธานี สืบฤกษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบกและโฆษกกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี ได้มีมติกำหนดวันหยุดราชการเพื่อชดเชยวันหยุดเทศกาลสงกรานต์เพิ่มเติม ในวันที่ 4 กันยายนและวันที่ 7 กันยายน 2563 ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่อง 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 4 - 7 กันยายน 2563 นั้น คาดว่าประชาชนจะเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดต่างๆ ซึ่งจะมีการใช้ยานพาหนะจำนวนมาก ส่งผลให้มีแนวโน้มเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงกว่าช่วงเวลาปกติ ดังนั้น กรมการขนส่งทางบก จึงแนะนำประชาชนให้ความสำคัญในการเตรียมความพร้อมทั้งคนทั้งรถก่อนการเดินทาง ตรวจสอบความพร้อมของรถก่อนเดินทางทุกครั้ง อาทิ
การตรวจสอบระบบเบรก แบตเตอรี่ สภาพของล้อยาง ซึ่งจะต้องไม่มีรอยฉีกขาด บวม ดอกยางต้องไม่สึกหรอ มีความลึกพอสามารถยึดเกาะถนนและรีดน้ำได้ดี ในขณะขับขี่ที่มีสภาพฝนตกและถนนเปียกลื่น อุปกรณ์ปัดน้ำฝน ระดับน้ำมันเครื่องและความสกปรกของน้ำมันเครื่อง ท่อยาง หม้อน้ำและรอยรั่ว การทำงานของไฟส่องสว่างและไฟสัญญาณต่างๆ และควรมีเครื่องมือประจำรถและอะไหล่ต่างๆ สำรองติดรถไว้สำหรับกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน สำหรับผู้ขับขี่ ต้องเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมก่อนขับรถ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง เมื่อมีอาการเหนื่อยล้าระหว่างการเดินทางควรหยุดพักในจุดที่ปลอดภัยอย่างน้อยทุก 2-3 ชั่วโมง คาดเข็มขัดนิรภัยในขณะขับรถ และหากขับขี่รถจักรยานยนต์ต้องสวมหมวกนิรภัย ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งก่อนและขณะขับขี่ และขับรถด้วยความระมัดระวัง ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ขณะนี้ยังอยู่ช่วงฤดูฝน การขับขี่ขณะฝนตก ผู้ขับขี่ต้องใช้ความระมัดระวัง งดเว้นกิจกรรมอื่นที่ทำให้เสียสมาธิ เปิดไฟหน้ารถตลอดเวลาขณะฝนตก เว้นระยะห่างจากรถคันหน้ามากกว่าปกติ และใช้ความเร็วให้เหมาะสมกับทัศนวิสัยการมองเห็น สำหรับรถจักรยานยนต์ หากฝนตกหนัก ควรหาที่จอดรถที่เหมาะสมและปลอดภัย และรอจนฝนเบาลงก่อนจึงเดินทางต่อ โดยเฉพาะกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินรถเสีย ประสบอุบัติเหตุ จำเป็นต้องจอดข้างทาง พยายามเคลื่อนรถให้พ้นทางเดินรถ ถ้าจำเป็นต้องจอดในทางเดินรถ ควรจอดในลักษณะที่ไม่กีดขวางการจราจร จอดรถให้ชิดไหล่ทางมากที่สุด เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน เพื่อให้ผู้ขับขี่รถคันอื่นมองเห็นได้ชัดเจน ซึ่งจะป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนดำเนินตามมาตรการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย และล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวในที่สุด
ข่าวเด่น