จังหวัดนครพนม ร่วมกับ สำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดนครพนม และ สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดนครพนม เตรียมจัดการแข่งขันไตรกีฬาสุดยิ่งใหญ่แห่งปี "โขงนทีไตรกีฬา นครพนม 2020 " ภายใต้คอนเซ็ปต์ มนต์เสน่ห์ริมฝั่งโขง เชื่อมโยงสองแผ่นดิน บูชาพญาศรีสัตตนาคราช ที่จะระเบิดความมันกันวันที่ 19-20 ก.ย.นี้ ณ บริเวณลานสวรรค์ชายโขงนครพนม (ตรงข้ามหน้าวัดพระอินทร์แปลง) ชิงรางวัลมูลค่ากว่า 500,000 บาท โดยเปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
การจัดแข่งขันไตรกีฬารายการ "โขงนทีไตรกีฬา นครพนม 2020 " ในครั้งนี้มีวัถุประสงค์สำคัญเพื่อต้องการให้ประชาชนหันมาออกกำลังกายจะได้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้มีนิสัยรักการออกกำลังกายโดยใช้กีฬาที่สามารถฝึกซ้อมแข่งขันได้ในภูมิประเทศของจังหวัดนั้น ๆ เพื่อลดภาระงบประมาณด้านสาธารณสุขของรัฐทั้งด้านบุคคลากรการแพทย์และการประกันสุขภาพ
นครพนม ถือเป็นอีกหนึ่งจังหวัดริมฝั่งแม่น้ำโขงที่มีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ประเพณีท้องถิ่นไทย-ลาว ที่ทรงคุณค่า รวมทั้งความสวยงามของทิวทัศน์สองฝั่งแม่น้ำโขง มีเส้นทางที่ปลอดภัยสามารถรองรับกิจกรรมการแข่งขันกีฬากลางแจ้งอย่างไตรกีฬาได้ทุกประเภท นับว่ามีศักยภาพเป็นจังหวัดนำร่องกีฬาเพื่อการท่องเที่ยว หรือ Sport Tourism เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี การแข่งขันครั้งนี้คาดว่าจะทำให้เกิดการพัฒนาศักยภาพพื้นที่ของจังหวัดในการเป็นเมืองกีฬาเพื่อการท่องเที่ยวในอนาคตต่อไป
สำหรับการแข่งขันจะแบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่ ไตรกีฬา Olympic Distance ว่ายน้ำ 1.5 กม., จักรยาน 40 กม., วิ่ง 10 กม./ ไตรกีฬาประเภททีม Olympic Team Distance ว่ายน้ำ 1.5 กม., จักรยาน 40 กม., วิ่ง 10 กม./ ทวิกีฬา Duathlon วิ่ง 5 กม., จักรยาน 40 กม., วิ่ง 10 กม. และ ไตรกีฬา Sprint Distance ว่ายน้ำ 750 ม., จักรยาน 20 กม., วิ่ง 50 กม. ชิงเงินและของรางวัลรวมกว่า 500,000 บาท
โดยไฮไลท์สำคัญของการแข่งขันไตรกีฬาในครั้งนี้นอกจากจะได้ชื่นชมความงดงามของทิวทัศน์สองฝั่งแม่น้ำโขงแล้ว นักแข่งยังจะได้ร่วมปั่นจักรยานข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่สาม ซึ่งถือเป็นประตูเศรษฐกิจที่สำคัญระหว่างภาคอีสานกับประเทศเพื่อนบ้านเชื่อมต่อระหว่างไทย ลาว เวียดนาม และภาคใต้ของจีนอีกด้วย ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถสร้างกระแสความตื่นตัวในการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพให้ชาวจังหวัดนครพนมเพิ่มขึ้นได้ไม่น้อยกว่า 30,000 คน และทั่วประเทศรวมแล้วไม่น้อยกว่า 500,000 คน
ข่าวเด่น