ราคาทองคำเคลื่อนไหวผันผวนในสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดที่ 1,966 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และปรับตัวลงแตะจุดต่ำสุดที่ 1,906 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาปรับตัวลงหลังสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านตำแหน่งในเดือนส.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1.255 ล้านตำแหน่ง
สะท้อนถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่หยุดชะงักไปจากผลกระทบของมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงก่อนหน้านี้
ทองคำได้ปรับตัวขึ้นช่วงกลางสัปดาห์จากความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าจะลดระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐและจีน พร้อมกับขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีบริษัทสหรัฐที่ออกไปสร้างงานในจีน และประเทศอื่นๆ
นอกจากนี้ ทองคำได้รับปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจาก ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรืออัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% และคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามโครงการ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) ที่ระดับ 1.35 ล้านล้านยูโร โดยจะซื้อพันธบัตรตามโครงการดังกล่าวจนถึงเดือนมิ.ย.2564 หรือจนกระทั่ง ECB พิจารณาว่าวิกฤตการณ์จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ผ่านพ้นไปแล้วเป็นปัจจัยหนุนต่อราคาทองคำเพิ่มเติม
คาดกรอบราคาทองคำในสัปดาห์นี้ 1,900-1,970 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยที่ 28,110-29,250 บาทต่อบาททองคำ โดยหากราคาหลุดแนวรับที่ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ระวังแรงขายออกเพิ่มเติม
ส่วนบรรยากาศการลงทุนในตลสดหุ้นไทย เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (11ก.ย.) โดยดัชนีปิดปรับตัวร่วงแรงกว่า 10 จุด หลังมีข่าวว่าพบนักฟุตบอลติดเชื้อโควิด-19 จากการตรวจคัดกรองก่อนไทยลีก ขณะที่ตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก โดยดัชนี SET Index ปิดที่ 1,279.96 จุด (-10.93 จุด) Volume 4.4 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก คาดทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีโอกาสแกว่งตัวผันผวนในลักษณะ Sideway Down โดยมีแรงกดดันจากการลดระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐ-จีน และความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการออกมาตรการเยียวยาผลกระทบโควิด-19 รอบใหม่ในสหรัฐ ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,250-1,300 จุด
ส่วนหุ้นที่น่าจับตามองในสัปดาห์นี้ ได้แก่ SAT ซึ่งราคาปิดอยู่ที่ 13.00 บาท มีแนวรับ 12.70 บาท มีแนวต้านที่ 13.70-15.00 บาท และแนวCut Loss อยู่ที่ 12.50 บาท โดยปริมาณซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดย MACD ส่งสัญญาณซื้อหนุนต่อเนื่อง หากผ่านต้านแรกที่ 13.70 บาทได้ จะมีแนวต้านถัดไปบริเวณ 15.00 บาท
ส่วน IHL ราคาปิดอยู่ที่ 2.76 บาท มีแนวรับที่ 2.70 บาท และมีแนวต้านที่ 2.92-3.06 บาท และจุด Cut loss 2.66 บาท ดีดตัวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย EMA ระยะกลาง โดยมี Volume เข้าวันแรก และ MACD เตรียมส่งสัญญาณบวก หากผ่าน 2.92 บาท ลุ้นทดสอบเส้น EMA-200 ที่ 3.06 บาท
ข่าวเด่น