การตลาด
สกู๊ป ''นีลเส็น''' ชี้โควิด-19 ระบาด คนไทยอยู่บ้าน ปลุกสื่อดั้งเดิม ''ทีวี-วิทยุ'' ฟื้น


แม้ว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมโฆษณาตั้งแต่ช่วงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมาจะอยู่ในสภาวะซบเซา หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  แต่ในขณะเดียวกันการที่คนไทยได้อยู่บ้านกันมากขึ้น  โดยเฉพาะในช่วง 2 เดือนที่มีการประกาศล็อคดาวน์ประเทศ  สื่อดั้งเดิมอย่างทีวี  และวิทยุกลับเติบโตสวนกระแสสื่ออื่นๆ  เนื่องจากคนไทยหันมารับข้อมูลข่าวสารการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  ผ่านสื่อวิทยุ และทีวีมากขึ้น

จากการศึกษาข้อมูลของ บริษัท นีลเส็น มีเดีย ประเทศไทย  เกี่ยวกับ ภูมิทัศน์สื่อในประเทศไทย และสิ่งที่เกิดขึ้นในยุคความปกติใหม่ (What’S Next In the New Normal) พบว่า  พฤติกรรมการบริโภคสื่อของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมค่อนข้างชัดเจน  ซึ่งในส่วนของผลการสำรวจดังกล่าว ได้มีการแบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ ก่อนโควิด (ก่อนกลางมี.ค.) ระหว่างโควิด (เม.ย.-ต้น มิ.ย.) และ ช่วงปรับตัวอยู่กับวิถีชีวิตใหม่ (New Normal  เริ่มตั้งแต่กลาง มิ.ย.- ก.ค.  ซึ่งเป็นช่วงเริ่มเปิดเทอมและกลับมาทำงาน) 
 
สิ่งที่เห็นอย่างชัดเจนจากการสำรวจ คือ ผู้บริโภค มีการใช้เวลาเสพสื่อเก่าเพิ่มขึ้น  โดยเฉพาะสื่อทีวี และวิทยุ โดยในช่วงก่อนการแพร่ระบาดอย่างหนักในเดือน ม.ค. ผู้บริโภคมีการชมทีวีติดลบอยู่ที่ 5% เดือนก.พ. มีการชมทีวีติดลบเพิ่มขึ้นเป็น 7% ช่วงเดือนมี.ค. ซึ่งเริ่มมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  มีการติดลบลดลงอยู่ที่ 4%  และช่วงที่มีการแพร่ระบาดอย่างหนักของโรคโควิด -19 ในช่วงเดือน เม.ย. มีการปรับตัวดีขึ้นพลิกกลับมาเติบโตเป็นบวกอยู่ที่ 9%  และเดือน พ.ค. มีอัตราการเติบโตเป็นบวกที่ 4% 
 
หลังจากนั้นก็เริ่มปรับตัวลดลงอีกครั้งเมื่อภาครัฐเริ่มมีการคลายล็อคดาวน์ในเดือน มิ.ย. เพราะผู้บริโภคเริ่มออกมาทำงานตามปกติ จึงทำให้มีการชมทีวีลดลงติดลบที่ประมาณ 2%  และติดลบเพิ่มเป็น 7% ในเดือน ก.ค. หลังโรงเรียนต่างๆ เริ่มเปิดเรียน ล่าสุดเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา  การรับชมทีวีมีการติดลบอยู่ที่ 5%
 
ในส่วนของสื่อวิทยุเอง ก็มีการขยายตัวคล้ายคลึงกับสื่อทีวี โดยในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงเดือน ม.ค. สื่อวิทยุมีการฟังลดลงอยู่ในแดนลบที่ประมาณ 4%  เช่นเดียวกับเดือน ก.พ. ที่ติดลบ 4%  และติดลบเพิ่มเป็น 5% ในช่วงเดือน มี.ค. 
 
 
แต่หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเดือนเม.ย. ผู้บริโภคเริ่มอยู่บ้านการฟังวิทยุก็ดีดตัวกลับมาเติบโตเป็นบวกอยู่ที่ 17%  เพิ่มเป็น 24% ในเดือน พ.ค. และถึงจุดพีคสุดในเดือน มิ.ย. ด้วยการมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 34%  แม้ว่าเดือน ก.ค. จะเติบโตลดลง แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในแดนบวก ด้วยการมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 18% เช่นเดียวกับเดือน ส.ค. ที่ยังเติบโตได้ที่ 18%

ส่วนสื่อที่ถือว่ายังมีอัตราการเติบโตที่ดีไม่ว่าจะก่อนโควิด  ระหว่างโควิด หรือหลังโควิด ก็คือ สื่อดิจิทัล โดยในช่วงเดือน ม.ค. มีอัตราการเติบโตเป็นบวกอยู่ที่ 8%  และกลับมาทรงตัวไม่มีอัตราการเติบโตในเดือน ก.พ. หลังจากนั้นก็ดีดตัวกลับมาเติบโตอีกครั้งที่  14% เพิ่มเป็น 42% ในเดือน เม.ย. และเติบโตสูงสุดที่ 56% ในเดือน พ.ค. หลังจากนั้นก็กลับมาเติบโตลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 32% ในเดือน มิ.ย.  เติบโตเหลือ 4% ในเดือน ก.ค. และกลับมาเติบโตอยู่ที่ 19% ในเดือน ส.ค.   
 
น.ส. รัญชิตา ศรีวรวิไล ผู้อำนวยการ บริษัท นีลเส็น มีเดีย ประเทศไทย  กล่าวว่า  การสำรวจ “ภูมิทัศน์สื่อในประเทศไทย และสิ่งที่เกิดขึ้นในยุคความปกติใหม่”  (What’S Next In the New Normal) ที่บริษัทได้จัดทำในครั้งนี้ชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมการบริโภคสื่อที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจนในช่วงวิกฤติโควิด-19  นอกจากนี้  ยังทำให้เห็นถึงบาดแผลของธุรกิจสื่อ  ภายหลังจากสินค้าต่างๆ มีการตัดทอนงบโฆษณาในช่วงนั้น  ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวทำให้ทราบว่า แบรนด์สินค้าเสียผลกำไรระยะยาวถึง -2% ในทุกๆ ไตรมาสที่ไม่ได้มีการออกสื่อ 
 
จากเหตการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว  ทำให้ นีลเส็น ออกมาประเมินว่า  หากแบรนด์สินค้าต่างๆ ต้องการจะกลับมาพลิกฟื้นธุรกิจ อาจต้องใช้เวลานานถึง 3-5 ปี  ในการกู้คืนคุณค่าของแบรนด์ (brand equity) ที่เสียไปในช่วงที่ผู้บริโภคไม่เห็นสินค้าจากการโฆษณาผ่านสื่อ  ส่วนแบรนด์ที่ยังคงรักษาหรือเพิ่มระดับของการลงโฆษณาในช่วงวิกฤตไว้ได้  มีโอกาสที่จะได้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นถึง 0.5 จุดเมื่อเทียบกับแบรนด์ที่ลดการลงโฆษณา
 
 
การคลี่คลายของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยที่เริ่มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น  ทำให้แนวโน้มของอุตสาหกรรมโฆษณา เริ่มปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ  ตั้งแต่เดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา โดยในช่วงนั้นภาพรวมของอุตสาหกรรมโฆษณาติดลบอยู่ที่ 27% และลดลงเหลือ 20%  ในเดือนก.ค. ล่าสุดเดือนส.ค. ติดลบที่  -13%  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562  ซึ่งทุกสื่อมีการลงเม็ดเงินโฆษณาเพิ่มมากขึ้นกว่าช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด -19 
 
อีกหนึ่งสิ่งที่เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ชัด คือ เนื้อหาโฆษณาในสื่อต่างๆ มีการปรับเนื้อหาให้เข้ากับสถานการณ์การระบาด ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงระหว่างการระบาดหนักของโรคโควิด -19  เนื้อหาส่วนใหญ่จะมีลักษณะของการเตือน การให้ความรู้ ให้กำลังใจ และเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นเนื้อหาก็จะแสดงให้เห็นถึงไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตในยุคปกติใหม่ โดยตัวแสดงจะใส่หน้ากากอนามัย หรือมีการเว้นระยะห่างให้เห็น ส่วนธุรกิจต่างๆ ก็จะโปรโมทสินค้าและบริการโดยให้เห็นถึงความปลอดภัยเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค
 
นอกจากนี้  คนไทยยังหันมาให้ความสนใจข้อมูลข่าวสารมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสื่อทีวี  วิทยุ  หรือดิจิทัล  โดยในส่วนของสื่อทีวี  ผู้ชมในกลุ่มอายุ 4-14 ปี มีการเข้ามาดูทีวีเพิ่มขึ้น และใช้ระยะเวลาในการดูทีวีเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 40 นาทีต่อวัน จากเดิมก่อนที่มีการแพร่ระบาด  มีการชมทีวีเฉลี่ยอยู่ที่ 3 ชั่วโมง 57 นาที 
 
พร้อมกันนี้  ยังพบว่า  ละคร, มินิซีรีส์ ฟีเจอร์ฟิล์ม ไลท์เอนเตอร์เทนเมนต์ และซีรีส์ ต่างประเทศก็ได้รับความนิยมเช่นกันในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19  อย่างไรก็ดี เมื่อเข้าสู่ยุคความปกติใหม่( New Normal) การรับชมทีวีของเนื้อหาเหล่านี้ก็เริ่มปรับตัวลดลงกลับเข้าสู่ความปกติแบบเดิม เหมือนช่วงก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด -19
 

LastUpdate 19/09/2563 14:05:53 โดย : Admin
08-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 8, 2024, 8:11 am