ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เราต้องยอมรับว่า ‘5G’ กลายเป็นคำศัพท์ที่ทุกคนพูดถึงอย่างกว้างขวาง และสร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วโลก ในหลายประเทศกำลังเร่งใส่พัฒนาเทคโนโลยีอย่างหนัก เพื่อจะเป็นเจ้าแรกของโลกที่นำเทคโนโลยี 5G มาใช้อย่างสมบูรณ์แบบ
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีหนึ่งคำถามในใจของผู้บริโภคว่า “แล้ว 5G เกี่ยวข้องและส่งผลกระทบกับเราอย่างไร?”
หากจะตอบคำถามนี้ เราต้องเข้าใจก่อนว่า 5G คืออะไร หากอธิบายตามฟังก์ชั่นการทำงาน 5G คือเครือข่ายการสื่อสารไร้สายรุ่นที่ 5 ที่มาพร้อมประโยชน์หลัก 3 อย่าง ได้แก่ 1. ความเร็วที่เหนือกว่า 2. แบนด์วิธที่สูงขึ้น และ
3. ความหน่วงในการส่งข้อมูลที่ต่ำลง เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นพี่อย่าง 4G
แล้วประโยชน์ที่ฟังดูเทคนิคจ๋าขนาด นี้จะเป็นประโยชน์ต่อการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันได้อย่างไร? อย่างแรกเลย 5G นั้นเป็นมากกว่าความเร็วอินเทอร์เน็ต แต่เป็นการพลิกโฉมประสบการณ์ผู้ใช้และไลฟ์สไตล์ในการใช้สมาร์ตโฟน ด้วยความก้าวล้ำนำหน้าทางเทคโนโลยีที่มากับเครือข่าย 5G โดยผู้ใช้งานจะสัมผัสได้เลยว่าความหน่วง (Lag) และความล่าช้า (Delay) นั้นลดลง พร้อมยกระดับการใช้งานสมาร์ตโฟนและการโต้ตอบบนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
พูดง่ายๆ ก็คือ 5G มีศักยภาพในการปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้งานอย่างยิ่งยวด ลองมาดูตัวของ 6 ประโยชน์ที่ผู้ใช้จะได้รับกันได้เลย
รับส่งข้อมูลได้ทันที
ชัยชนะสูงสุดของเครือข่าย 5G ก็คือความหน่วงในการส่งข้อมูลที่ต่ำลง (Low latency) ซึ่งก็คือเวลาแฝงระหว่างการส่งข้อมูล ถึงเครือข่าย 5G จะมีความหน่วงต่ำในระดับหนึ่งแล้วก็ตาม แต่ก็ยังช้าอย่างเห็นได้ชัดเมื่อผู้ใช้งานพยายามส่งไฟล์ขนาดใหญ่ อาทิ ไฟล์วิดีโอ 5G ถูกออกแบบมาเพื่อลดความหน่วงในจุดนี้ เทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายรุ่นนี้จะช่วยลดความหน่วงได้อย่างมาก ส่งผลให้ผู้ใช้งานสามารถรับส่งข้อความหรือคุยวิดีโอคอลกับคนที่คุณรักได้ราบรื่นกว่าเดิม
อัปเกรดการเล่นวิดีโอบนมือถือ
ในยุคสมัยที่ใครๆ ก็เจาะขอบจอรอดูซีรีส์รายการโปรดบนสมาร์ตโฟนไม่ว่าจะที่ไหนหรือเมื่อไหร่ แน่นอนว่าไม่มีใครอยากนั่งรอให้อารมณ์ค้างอยู่ที่หน้าดาวน์โหลด โดยเฉพาะในพื้นที่แออัดที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น พร้อมอุปกรณ์มากมายหลายเครื่องที่พยายามเชื่อมต่อเข้าสู่เครือข่ายเดียวกัน ผู้ใช้งานอาจต้องเซ็งกับความเร็วในการโหลดข้อมูลที่ช้าลงและวิดีโอที่ติดๆ ขัดๆ
ด้วยความสามารถของเทคโนโลยี 5G ช่วงเวลาแห่งการรอคอยจะเหลือแค่ศูนย์ เนื่องจากความหน่วงในการส่งข้อมูลที่ต่ำลงและความจุแบนด์วิธที่สูงขึ้นจะทำให้การสตรีมวิดีโอคุณภาพสูงเป็นเรื่องง่ายดายแม้กระทั่งในพื้นที่แออัด นอกจากนี้ ความจุแบนด์วิธที่มากกว่าเดิมยังช่วยกู้ชีวิตผู้ใช้งานจากเคอร์เซอร์ตัวร้าย ‘ลูกบอลชายหาดแห่งความตายที่หมุนติ้วไม่รู้จบ’ อีกทั้งยังสามารถดาวน์โหลดวิดีโอได้อย่างง่ายดาย แม้จะมีการเชื่อมต่อคุณภาพต่ำก็ตามที
เกมเมอร์พร้อมฟาด ลุยสมรภูมิออนไลน์ได้อย่างเต็มที่
ไม่ว่าเกมเมอร์คนไหนต่างก็พยักหน้าบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ปัญหากวนใจอันดับหนึ่งที่ประสบพบเจอระหว่างเล่นเกมมือถือก็คืออาการกระตุก หรือที่เราคุ้นเคยกันในนิยาม ‘เกมแลค’ (Lags) ซึ่งต้นเหตุของปัญหานี้ก็คือความหน่วงในการส่งข้อมูลของเครือข่ายอีกเช่นเคย ก่อให้เกิดความล่าช้าดีเลย์ซึ่งส่งผลไปถึงเวลาตอบสนองในเกมของผู้ใช้งาน
ด้วยความหน่วงที่ต่ำลงของเครือข่าย 5G ปัญหานี้จะเป็นแค่เรื่องของวันวาน แล้ว 5G ยังจะช่วยให้เหล่าเกมเมอร์ดื่มด่ำกับประสบการณ์เล่นเกมบนมือถือที่สมจริงและโต้ตอบได้สมบูรณ์แบบกว่าเดิมด้วยนวัตกรรมล่าสุด อาทิ การเล่นเกมระยะไกลแบบเรียลไทม์ การเล่นเกมมือถือออนไลน์แบบผู้เล่นหลายคน รวมถึงการเล่นเกมบนคลาวด์ด้วยเช่นกัน
การเพิ่มขึ้นของอุปกรณ์ไอโอที หรืออินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet-of-Things, IoT)
ทั้งความเร็ว แบนด์วิธ และความหน่วงต่ำที่มาพร้อมเครือข่าย 5G จะทำให้การจัดการอุปกรณ์ไอโอที จำนวนมากเป็นเรื่องง่ายและมีประสิทธิภาพกว่าเดิม ผู้ใช้งานอาจได้เห็นนวัตกรรมอุปกรณ์ใหม่ๆ ที่สามารถเชื่อมต่อผู้ใช้ให้ใกล้กันมากกว่าที่เคย
ผู้ใช้งานจะได้รับประโยชน์มากมาย อาทิ การใช้งานอุปกรณ์อัจฉริยะสมาร์ตโฮม ผู้ใช้งานจะสัมผัสความเร็วที่เพิ่มขึ้นและความล่าช้าหรือกระตุกที่ลดลง ซึ่งช่วยเสริมความเร็วในการเชื่อมต่อเมื่ออุปกรณ์กำลังรับส่งข้อมูลและการแจ้งเตือนต่างๆ นอกจากอุปกรณ์สมาร์ตโฮมแล้ว อุปกรณ์ไอโอทีต่างๆ ก็ยังได้ประโยชน์จากความเร็วและการเชื่อมต่อที่รวดเร็วขึ้นเช่นกัน
การใช้งานที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้
เนื่องจากเครือข่าย 5G ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการบูรณาการเพื่อใช้งานในหลายประเทศ แน่นอนว่าต้องมี ข้อกังวลและความสับสนเกิดขึ้นในหมู่ผู้ใช้งานเกี่ยวกับความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของ 5G โดยสิ่งที่น่ากังวลที่สุดก็คือ 5G จะมีผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพบางอย่างหรือไม่ แต่ทางหน่วยงาน International Commission on Non-Ionizing Radiation Protection (ICNIRP) ก็ได้ออกมาย้ำแล้วว่าสัญญาณ 5G นั้นไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อผู้ใช้งานแต่อย่างใด
เมื่อจับความเร็ว ความหน่วงต่ำ และความจุแบนด์วิธที่เพิ่มขึ้นรวมเข้าด้วยกัน จึงกลายเป็นเครือข่าย 5G ที่ผู้ใช้งานสามารถเชื่อถือได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ 5G ราคาประหยัดได้เร็วๆ นี้
ด้วยนานาประโยชน์ที่มาพร้อมกับเครือข่าย 5G ผู้ใช้งานบางรายจึงมีความกังวลว่าอุปกรณ์ 5G อาจมีราคาแพงจนเอื้อมไม่ถึง แต่จงหยุดความกังวลเอาไว้ตรงนี้ เพราะสมาร์ตโฟน Vivo V20 Pro 5G จะมาตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ต้องการใช้อุปกรณ์ 5G ในราคาที่สมเหตุสมผล ด้วยรูปลักษณ์ตัวเครื่องอันสวยงาม Vivo ได้บรรจุเทคโนโลยีชั้นนำของวงการเอาไว้ภายในดีไซน์เพรียวบาง โฉบเฉี่ยว เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ใช้งาน
สมาร์ตโฟน V20 Pro 5G มาพร้อมชิป Qualcomm Snapdragon 765G ซีพียู Octa-core ขนาด 7 นาโนเมตรที่รองรับทั้งโหมด Standalone Access (SA) และ Non-Standalone Access (NSA) สำหรับเครือข่าย 5G ซึ่งประสิทธิภาพขั้นสูงนี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานเพลิดเพลินกับการเชื่อมต่อความหน่วงต่ำในบริบทหรือสถานการณ์ที่ค่อนข้างท้าทาย เช่นในลิฟต์หรือบนรถไฟความเร็วสูง
โอกาสใหม่ๆ อันน่าตื่นเต้นกำลังรอทุกคนอยู่ในอนาคตอันใกล้นี้ ด้วยขุมพลังและความสามารถของเทคโนโลยี 5G ซึ่ง Vivo มีความพร้อมทั้งจุดแข็ง ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีระดับโลก ตลอดจนการติดอันดับท็อป 4 ของโลกด้านการผลิตสมาร์ตโฟน 5G และส่วนแบ่งตลาดในปี 2020 ที่พร้อมมอบสุดยอดประสบการณ์การเชื่อมต่อให้กับผู้ใช้ได้มากขึ้น และด้วยความสามารถด้าน 5G ของสมาร์ตโฟน Vivo ผู้ใช้จะได้สัมผัสกับประสิทธิภาพแห่งการใช้งานด้านเทคโนโลยีเพื่อบันทึกช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิต เป็นศูนย์กลางของทุกเทรนด์ล่าสุดไม่ว่าจะอยู่ที่ใด บนโลก
สมาร์ตโฟน V20 ซีรีส์ จาก Vivo ที่รองรับ 5G คือรุ่น V20 Pro 5G โดยเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าได้แล้ววันนี้ไปจนถึงวันที่ 29 กันยายน 2563 และจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศในวันที่ 30 กันยายน 2563 ในราคา 14,999 บาท
ติดตามข่าวสารของ Vivo ได้ที่ https://www.vivo.com/th/about-vivo/news
*หมายเหตุ: ฮาร์ดแวร์ของสมาร์ตโฟน V20 Pro รองรับ SA และจะถูกอัปเกรดเพื่อเปิดใช้งาน เมื่อสามารถใช้งานได้ในพื้นที่
ข่าวเด่น