กลยุทธ์การลงทุน:
คาด SET มีแนวโน้มปรับตัวลง โดยได้รับปัจจัยกดดันจากความล่าช้าของวัคซีน หลังทั้ง JNJ และ Eli Lilly ต้องหยุดการทดลองเนื่องจากพบความผิดปกติ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการคลังของสหรัฐยังไร้ข้อสรุป หลังประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐปฏิเสธข้อเสนอวงเงิน 1.8 ล้านล้านดอลลาร์จากทำเนียบขาว เนื่องจากเห็นว่าไม่เพียงพอ ด้านแนวรับ SET อยู่ที่ 1265 และ 1257 จุด ตามลำดับ ส่วนกรอบบนยังถูกจำกัดบริเวณ 1280 จุด กลยุทธ์ พอร์ตลงทุน รอซื้อหุ้นในสัดส่วน 25% บริเวณ 1240-1250 จุด ส่วนพอร์ตเก็งกำไรใช้การเล่นรอบด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากตลาดยังมีความผันผวน
ล็อคเป้าลงทุน:
- ยังมอง SET มีความผันผวน แม้จะได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ แต่ภาพใหญ่ยังขาดปัจจัยหนุนที่จะมากระตุ้นให้ผ่านแนวต้านสำคัญที่ 1300 จุด ในทางกลับกันยังมีหลายปัจจัยลบที่ต้องติดตาม โดยเฉพาะความเสี่ยงการแพร่ระบาดรอบ 2 ในประเทศ ซึ่งอาจกดดันให้ SET มีความเสี่ยงหลุด 1200 จุดได้
- สำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว แนะนำหุ้นเชิงรับและ selective buy ในหุ้นขนาดใหญ่ที่ราคาปรับลงแรงอย่าง CPF SCCC BDMS EGCO รวมทั้ง BAM ที่มีโอกาสเข้าคำนวณ SET50 รอบ 1H64 ส่วนหุ้นขนาดเล็กเน้น trading คือ AUCT, IIG, PRIME, SVI, WICE, ZIGA, ILINK, NOBLE, IP, TNP
- ยังแนะนำให้หลีกเลี่ยงกลุ่มโรงแรม สายการบิน ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร ขนส่ง จากความเสี่ยงการแพร่ระบาดรอบ 2 รวมทั้งหุ้น Consumer IT เช่น COM7 JMART SPVI SYNEX ที่อาจถูก sell on fact หลังการเปิดตัว iPhone 12 ไม่มีอะไรเกินคาด
ประเด็นสำคัญ
# ตลาดหุ้นสหรัฐ-ยุโรปปรับลดลง ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้น
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับลดลง กดดันจากข่าว Eli Lilly ระงับการทดลองแอนติบอดีรักษาโควิด-19 หลังจาก J&J ระงับการทดสอบวัคซีนเฟสสุดท้าย นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่ประธาน ส.ส. ปฏิเสธแผนกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.8 ล้านล้านเหรียญของฝั่งรีพับลิกัน หักล้างแรงหนุนจากการประกาศงบ 3Q63 ที่ดีกว่าคาดของสถาบันการเงิน ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปรับลง ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นหลังจีนนำเข้าน้ำมันเพิ่มขึ้น 5.5%mom ในเดือน ก.ย.
# IMF ปรับมุมมอง GDP โลกปีนี้ดีขึ้น แต่ปีหน้าแย่ลง
โดยคาด GDP โลกปีนี้หดตัว 4.4% จากประมาณการ มิ.ย. ที่คาดหดตัว 4.9% จากเศรษฐกิจจีนดีกว่าที่คาด แต่ปรับลดคาดการณ์ปีหน้าขยายตัว 5.2% จาก 5.4% เช่นเดียวกับไทยคาดปีนี้หดตัว 7.1% จากหดตัว 7.7% แต่ลดคาดการณ์ปีหน้าลงเหลือโต 4% จาก 5% แต่มองว่าไม่มีผลอย่างมีนัยฯ ต่อตลาดเนื่องจากใกล้เคียงที่คาดไว้
# การส่งออก-นำเข้าของจีนยังดี เป็นบวกต่อกลุ่มอิเล็กฯ และอาหาร
ทั้งในส่วนของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ที่ทั้งจีน ไต้หวันและเกาหลีใต้ดีขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยที่การส่งออกไก่เร่งตัวขึ้น โดยเรายังคง overweight กลุ่มอาหารและกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์
Wealth Strategy
แนะนำหุ้นกู้คุณภาพ บมจ.ปตท. (PTT) อายุคงเหลือ 5-7 ปี อันดับเครดิตหุ้นกู้ AAA และ หุ้นกู้ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) อายุคงเหลือ 3-5 ปี อันดับเครดิตหุ้นกู้ A+
บทวิเคราะห์วันนี้
PTTEP – คาดกำไรสุทธิ 3Q63 เพิ่มขึ้น QoQ
ข่าวเด่น