กรอบราคาทอง1,830-1,900 ดอลล์ nดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงตามตลาดโลก
ราคาทองคำปรับตัวลง 32 ดอลลาร์ต่อออนซ์มาสู่ระดับ 1,869 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐที่อาจจะไม่สามารถบังคับใช้ได้ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีได้
ยิ่งกว่านั้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยอมรับว่า สหรัฐอาจไม่สามารถออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย.นี้
เหตุผลเนื่องจากทำเนียบขาวไม่สามารถประสานความคิดเห็นที่แตกต่างกับบรรดาสมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภา และสมาชิกพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรส
นอกจากนี้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสหรัฐเปิดเผย GDP ไตรมาส 3 ขยายตัว 33.1% ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่สหรัฐเริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในปี 2490 หรือกว่า 70 ปีก่อนหน้านี้ โดยได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งทำให้มีการเปิดเศรษฐกิจ และเริ่มมีการจ้างงาน หลังจากที่สหรัฐได้ปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
โดยฝ่ายวิจัย จึงมีมุมมองลบต่อราคาทองคำในระยะสั้นหลังปรับตัวลงหลุดระดับ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ลงมา
ขณะที่มีมุมมองบวกต่อทองคำในระยะกลาง เนื่องจากเฟดยังคงงบดุลที่ระดับ 7 ล้านล้านดอลลาร์ และยังไม่มีสัญญาณการปรับลดงบดุลทำให้ เราจึงคาดว่า ทองคำจะสร้างฐานได้ที่ระดับ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับทองคำ ณ เดือนกรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา ที่เฟดชะลอการเพิ่มงบดุล
ทั้งนี้เราคาดกรอบราคาทองคำในสัปดาห์นี้ 1,830-1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยที่ 27,030-28,170 บาทต่อบาททองคำ โดยหากราคาเข้าใกล้แนวรับมองเป็นจังหวะซื้อสะสม
ส่วนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนี (30 ต.ค.) ปิดลดลง 6.69 จุด เช่นเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาค และดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส จากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ ประกอบกับความผันผวนก่อนช่วงเลือกตั้ง ประธานาธิบดีสหรัฐ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,194.95 จุด -6.69 จุด -0.56% มูลค่าการซื้อขาย 5.3 หมื่นล้านบาท
ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก คาดทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดโลก โดยแรงกดดันหลักอยู่ที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งในสหรัฐและยุโรป และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังไม่ได้ข้อสรุป นักลงทุนยังจับตาการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 3 พ.ย. อย่างใกล้ชิด คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,170-1,200 จุด
ส่วนหุ้นที่น่าจับตามองสัปดาห์นี้ ได้แก่ หุ้น MTC ราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 54.75 บาท ยืนเหนือเส้น EMA ทุกระดับ พร้อม Volume เข้า และ MACD ส่งสัญญาณ Bullish หนุน หากผ่านต้านแรกที่ 56.25 บาทได้ ลุ้นทดสอบ High เดิมที่ 59.25 บาท โดยจะมีแนวรับที่ 54.00 บาท มีแนวต้านที่ 56.25-59.25 บาท และจุด cut loss อยู่ที่ 53.50 บาท
ส่วนอีกหุ้นหนึ่งคือ AGE ราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 1.32 บาท ดีดตัวขึ้นจากระดับ Bottom Zone โดยมีปริมาณซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และค่าสัญญาณซื้อจาก Slow Sto. หนุน หากผ่าน EMA-200 ที่ 1.44 บาท จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1.56 บาท โดยมีแนวรับที่ 1.27 บาท ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1.44-1.56 บาท และมีจุด cut loss ที่ 1.25 บาท
ข่าวเด่น