สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ลงนาม MOU กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs และ Startups นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ในดำเนินธุรกิจอย่างเหมาะสม มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและลดขั้นตอนด้วยการเชื่อมโยงผ่านระบบจัดการองค์กรที่สำคัญ อาทิ ระบบบัญชี ระบบการเงิน ระบบบริหารจัดการทรัพยากรทางธุรกิจ พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเข้าถึงผลงานวิจัยของ สวทช. เพื่อนำไปต่อยอดธุรกิจหรือสร้างธุรกิจใหม่ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างความพร้อมให้เติบโตผ่านกลไกตลาดทุน
นายณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า สวทช. มีเป้าหมายในการผลักดันให้ประเทศไทยแข็งแกร่งและเจริญรุ่งเรืองบนเวทีเศรษฐกิจระดับโลก โดยนำความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) มาช่วยยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันให้ผู้ประกอบการทั้งภาคการผลิต ภาคบริการและการค้า ให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่ผ่านมา สวทช. โดย ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (TMC) ได้ให้บริการผู้ประกอบการ SMEs และ Startups นำ วทน. ไปพัฒนาผลิตภัณฑ์และเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตมาอย่างต่อเนื่องกว่า 12,000 ราย ผ่านโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) ที่ให้การสนับสนุนด้านผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาและด้านงบประมาณ แก่ผู้ประกอบการในแต่ละอุตสาหกรรม โดยปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัลมีความจำเป็นในทุกธุรกิจ ได้แก่ ระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) ที่ช่วยให้องค์กรเกิดกระบวนการทำงานที่เป็นมาตรฐาน สามารถบริหารจัดการธุรกิจได้บนฐานข้อมูลที่เชื่อมโยงกันจากทุกแผนก สามารถแจ้งเตือนข้อมูลสำคัญได้แบบ real time เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบย้อนกลับได้ โดยอาศัยเทคโนโลยีอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น IoT, RFID, AI, Data Analytic หรือการพัฒนา Application เฉพาะทาง ซึ่งการจะยกระดับขีดความสามารถของอุตสาหกรรมไทยให้เกิดการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและยั่งยืนได้นั้น จำเป็นต้องบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยผลักดันให้ผู้ประกอบการ SMEs และ Startups เกิดการปรับเปลี่ยนองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลที่เหมาะสมที่จะนำไปสู่การเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน จนเกิดความพร้อมในการเข้าสู่ตลาดทุนได้ในอนาคต
“สวทช. เล็งเห็นว่าการจะยกระดับขีดความสามารถของอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดและยั่งยืนได้ จำเป็นต้องบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร และผู้เชี่ยวชาญทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อช่วยกันผลักดันผู้ประกอบการ SMEs และ Startups ให้เกิดการปรับเปลี่ยนองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลที่เหมาะสม โดย สวทช. จะร่วมสนับสนุนงบประมาณและผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดิจิทัลในโครงการความร่วมมือครั้งนี้ภายใต้กลไกของโปรแกรม ITAP” ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าว
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs และ Startups ผ่านการให้องค์ความรู้และทักษะในการดำเนินธุรกิจ สู่โอกาสการเติบโตและเข้าถึงกลไกตลาดทุน ผ่านโครงการ LiVE Platform ซึ่งดำเนินการโดย บริษัท ไลฟ์ฟินคอร์ป จำกัด ภายใต้กลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งมุ่งมั่นเป็น “Transformation Partner: ส่งเสริม SMEs และ Startups ให้เติบโตไปอีกขั้นผ่านกลไกตลาดทุน” โดยเป็น platform พัฒนา SMEs และ Startups ตั้งแต่การเสริมรากฐานความรู้สำหรับผู้ประกอบการการสร้างความแข็งแกร่งผ่านการให้ความรู้เชิงลึกและพัฒนาระบบการทำงานสำคัญ และการเติบโตด้วยกลไกตลาดทุน
“ความร่วมมือกับ สวทช. ในครั้งนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs และ Startups ที่อยู่ภายใต้ LiVE Platform ได้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจ โดย LiVE Platform จะเป็นศูนย์รวมผู้ให้บริการระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) ที่จัดการระบบสำคัญภายในองค์กร เช่น ระบบบัญชี ระบบการเงิน ระบบบริหารจัดการทรัพยากรทางธุรกิจ อย่างเชื่อมโยงและเป็นระบบ ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของ SME Startups ที่จะวางรากฐานความแข็งแกร่งพร้อมสู่การขยายธุรกิจนอกจากนี้ ผู้ประกอบการภายใต้ LiVE Platform ยังสามารถเข้าถึงข้อมูลและผลงานวิจัยของ สวทช. เพื่อต่อยอดธุรกิจหรือสร้างธุรกิจใหม่ด้วย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เติบโตและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป โดยผู้ประกอบการที่ผ่านการพิจารณาคัดเลือก สามารถใช้บริการ ERP ได้ตั้งแต่ปี 2564
ผู้ประกอบการ SMEs และ Startups ที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.live-platforms.com หรือ contact@live-platforms.com
ข่าวเด่น