หุ้นทอง
ลงทุนหุ้น ESG ลดความเสี่ยงได้อย่างไร


นอกเหนือจากโอกาสการสร้างผลตอบแทนการลงทุนระยะยาวแล้ว บริษัทที่คำนึงถึงความยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social, Governance: ESG) ยังมีบทบาทสำคัญในการลดความเสี่ยงจากการดำเนินธุรกิจอีกด้วย
 
จากผลการศึกษาต่างๆ พบว่า บริษัทที่มีผลการดำเนินงานด้าน ESG ที่ดี จะมีความเสี่ยงต่ำ เช่น มีโอกาสถูกฟ้องร้องต่ำ ปัญหาคอรัปชั่นต่ำ อีกทั้งต้นทุนของเงินทุน (Cost of Capital) ยังต่ำกว่าบริษัทที่ไม่ให้ความสำคัญด้าน ESG รวมถึงมีความได้เปรียบในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน
 

แม้ว่าราคาหุ้นของบริษัทที่คำนึงถึงความยั่งยืน อาจมีสภาวะขึ้นลงตามสภาพแวดล้อมของตลาด แต่การลงทุนในหุ้นของบริษัทเหล่านี้จะมีความผันผวนน้อยกว่าในระยะยาว
 
หมายความว่า ผลการดำเนินงานด้าน ESG มีความเชื่อมโยงทั้งในมิติของความเสี่ยง ศักยภาพในการแข่งขัน และการได้รับการยอมรับจากผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholders) ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับความอยู่รอดและความสามารถในการเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจในระยะยาว
 
สำหรับการทำความเข้าใจถึงความสามารถในการแข่งขันในมิติของความยั่งยืน ว่าจะส่งผลอย่างไรต่อความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ นักลงทุนสามารถประเมินเบื้องต้นได้ โดยดูความเสี่ยงในประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล ที่มีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจนั้น และบริษัทมีการจัดการกับความเสี่ยงเหล่านั้นอย่างไร รวมถึงความเสี่ยงเหล่านั้นส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจอย่างไรในระยะยาว
 
ตัวอย่างธุรกิจโลจิสติกส์ที่คำนึงถึงความยั่งยืนในประเทศสหรัฐ พบว่า การขนส่งด้วยรถบรรทุกขนาดใหญ่ มีโอกาสผิดพลาดค่อนข้างสูง เช่น ขับรถเร็วเกินข้อกำหนดของกฎหมาย พนักงานขับรถมีประสบการณ์น้อย ตลอดจนเกิดความผิดพลาดด้านเส้นทาง เป็นต้น
 
ในปี 2561 บริษัทขนส่งหลายแห่งในสหรัฐอเมริกาจึงเริ่มหันมาใช้งานอุปกรณ์บันทึกข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (ELDs) เพื่อให้พนักงานขับรถบรรทุกทำการตรวจสอบเวลา ผลที่ตามมาคือ คนรุ่นใหม่ไม่สนใจอาชีพพนักงานขับรถ เพราะไม่ต้องการการตรวจสอบที่เข้มงวดขึ้น โดยสมาคมรถบรรทุกแห่งสหรัฐอเมริกา (ATA) ประเมินว่าภายในปี 2569 จะขาดแคลนพนักงานขับรถบรรทุกราว 175,000 คน
 
ปัจจุบัน มีบริษัทขนส่งหลายแห่งในสหรัฐ จัดการแก้ปัญหาในระยะสั้นและระยะยาวไปพร้อมๆ กัน ด้วยการเพิ่มค่าแรงและพัฒนารถบรรทุกไร้คนขับ
 
จากกรณีดังกล่าว พบว่าความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นถัดจากนี้ไป คือ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจมีโอกาสเพิ่มขึ้น และมีโอกาสที่พนักงานขับรถบรรทุกจะละเมิดหรือทำผิดกฎระเบียบมากขึ้น ผลที่ตามมาอาจทำให้ชื่อเสียงของบริษัทหดหายไปเมื่อมีการตรวจสอบที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงแรงกดดันจากสหภาพแรงงานจะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
 
การดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจในระยะยาว เช่น พนักงานขับรถบรรทุกมีขวัญกำลังใจและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งนำไปสู่การทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ต้นทุนการดำเนินงานลดลง รวมถึงชื่อเสียงของบริษัทจะดีขึ้นและอาจก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านธุรกิจขนส่งได้
 
หากมองว่าการดำเนินงาน โดยการคำนึงถึงด้าน ESG จะทำให้ธุรกิจมีต้นทุนและค่าใช้จ่ายสูงขึ้นนั้น ในความเป็นจริงแล้ว นอกจากจะส่งเสริมภาพลักษณ์ของธุรกิจ ยังช่วยสร้างรายได้หรือพัฒนากระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตของบริษัทได้อีกด้วย เช่น โครงการพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อใช้ในโรงงาน การเปลี่ยนขยะเป็นเชื้อเพลิงหรือแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิต ถือเป็นการสร้างคุณค่าแก่สินค้า ช่วยขยายตลาดใหม่ และเพิ่มรายได้จากกลุ่มลูกค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่ผู้บริโภคมักจะเลือกสินค้าและบริการจากกิจการที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
 
เช่นเดียวกับ นักลงทุนทั่วโลกก็เริ่มให้ความสนใจบริษัทที่ดำเนินงานด้วยการคำนึงถึงด้าน ESG โดยในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา MSCI ESG Research LLC ได้ทำการสำรวจนักลงทุนกลุ่ม Millennials (เกิดระหว่างปี 2523 - 2543) พบว่า 95% ของคนกลุ่มนี้จะให้ความสำคัญกับการลงทุนด้วยหลักการการลงทุนอย่างยั่งยืน
 
จากการประเมินของ MSCI ESG Research LLC คาดว่านักลงทุนกลุ่ม Millennials ในปีนี้จะมีจำนวนเกือบ 80 ล้านคน และมีเงินลงทุนอยู่ราว 30 ล้านล้านดอลลาร์ โดยจากการสำรวจพบว่า เกือบ 90% จัดอยู่ในกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ (High-net worth) ที่สำคัญมีการติดตามการลงทุนของตัวเองอย่างสม่ำเสมอว่าอยู่ในแผนการลงทุนอย่างยั่งยืนหรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้น มากกว่าครึ่งหนึ่งของนักลงทุนกลุ่มนี้ จะปฏิเสธการลงทุนในบริษัทที่ไม่คำนึงถึงด้าน ESG เช่น ผลิตสินค้าหรือบริการที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพหรือความเป็นอยู่ของมนุษย์ หรือทำลายสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
 
ปัจจุบันนักลงทุนให้ความสำคัญกับบริษัทที่มีนโยบายการบริหารด้านความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งมักจะสะท้อนออกมาจากทีมบริหารที่มีวิสัยทัศน์ชัดเจน มีการวางกลยุทธ์เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันระยะยาว มากกว่าที่จะมุ่งเน้นการสร้างผลกำไรในระยะสั้น
 
สำหรับ แก่นการลงทุนในหุ้น ESG ไม่ได้มุ่งเสาะหาบริษัทที่มีอัตราการเติบโตสูงเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการลงทุนในหุ้นที่คาดว่าจะมีความเสี่ยงทางธุรกิจต่ำกว่าอุตสาหกรรมหรือตลาดโดยรวม เพราะบริษัทเหล่านี้จะคำนึงถึงด้าน ESG ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่เกื้อหนุนต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

ขณะที่ในมุมของนักลงทุนสามารถประยุกต์ใช้ ESG เพื่อประเมินความเสี่ยงของแต่ละอุตสาหกรรม และนำไปช่วยจัดสรรเงินลงทุน (Asset Allocation) เพื่อสร้างผลตอบแทนให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
 
นอกจากนี้ การลงทุนในหุ้น ESG เป็นผลดีต่อนักลงทุนทั้งในแง่ผลตอบแทนทางการเงินและการสร้างผลกระทบที่ดีต่อสังคม โดยการลงทุนในหุ้น ESG มีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับการลงทุนแบบทั่วไป ในขณะที่ความผันผวนนั้นต่ำกว่าตลาด เนื่องจากแนวคิดหลักที่บริษัทจะต้องมีการบริหารจัดการที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการบริหารงานเพื่อผลประกอบการที่ดี
 
สิ่งนี้เองน่าจะเป็นกลไกที่ดีในการช่วยลดความเสี่ยงจากการดำเนินงานของบริษัทได้ในระดับหนึ่ง
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 18 พ.ย. 2563 เวลา : 09:16:48
30-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 30, 2024, 7:42 am