ก.ล.ต. เข้าร่วมงาน Singapore FinTech Festival 2020 (SFF 2020) ผ่านแพลตฟอร์มกิจกรรมออนไลน์ (Online City) ระหว่างวันที่ 7-11 ธันวาคม 2563 ตลอด 24 ชั่วโมง ต่อเนื่อง 5 วัน เพื่อสนับสนุนการนำเทคโนโลยีด้านดิจิทัลมายกระดับความสามารถในการแข่งขันและสร้างความเชื่อมโยงตลาดทุนไทยสู่สากลตามแผนยุทธศาสตร์ของ ก.ล.ต.
นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า “งาน SFF 2020 ที่จัดโดย Monetary Authority of Singapore (MAS) เป็นงานนิทรรศการด้านเทคโนโลยีทางการเงิน (FinTech) ระดับโลก ในปีที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้ร่วมออกบูธนิทรรศการเป็นครั้งแรก โดยได้นำเสนอเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Distributed Ledger Technology (DLT) มาพัฒนาเป็นระบบโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล (Digital Infrastructure) ของตลาดทุนไทยและได้รับการตอบรับจากผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก โดยงานนี้มีผู้เข้าร่วมจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนกว่า 60,000 ราย จาก 140 ประเทศ การเข้าร่วมงานในปีนี้จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับพันธกิจ กฎเกณฑ์ และแนวทางดำเนินการต่าง ๆ ของ ก.ล.ต. โดยเฉพาะแผนงานในการนำเทคโนโลยีด้านดิจิทัลมาพัฒนาองค์กรและตลาดทุน ซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนาตลาดทุนไทยและพัฒนาการของเทคโนโลยีทางการเงิน รวมถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้ใช้บริการ”
สำหรับงาน SFF 2020 จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 5 ภายใต้แนวคิด People and Talent โดยมุ่งเน้นบุคลากรในภาคธุรกิจการเงินและเทคโนโลยีที่จะช่วยขับเคลื่อนสังคมภายหลัง COVID-19 ให้กลับมายืนหยัดได้ในปี 2564 และในอนาคต โดยการจัดงานจะมีทั้งการจัดงานที่จะสร้างประสบการณ์ให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถพูดคุยในลักษณะ physical engagement ณ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และสาธารณรัฐสิงคโปร์ และการจัดแสดงบูธนิทรรศการในลักษณะดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์มที่เรียกว่า “Online City” ตลอด 24 ชั่วโมง ต่อเนื่องทั้ง 5 วัน เช่น (1) การจัดแสดงบูธนิทรรศการแบบดิจิทัล (digital showcase) (2) การถ่ายทอดสดการเสวนา Global Summit (3) การจับคู่ทางธุรกิจ (business matching) และ (4) การหารือแบบ 1 ต่อ 1 (1-on-1 consultation clinic)
ในปีนี้ ก.ล.ต. ได้เข้าร่วมออกบูธ digital showcase พร้อมทั้งจัดทำสื่อดิจิทัลเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปรับรู้เกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในตลาดทุน อาทิ ความคืบหน้าของโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการทำธุรกรรมเกี่ยวกับหลักทรัพย์ในรูปแบบดิจิทัล และการเสนอขายหลักทรัพย์คราวด์ฟันดิง (Crowdfunding) เป็นต้น ซึ่งจะสร้างโอกาสให้กับตลาดทุนไทยในการเชื่อมโยงกับต่างประเทศทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs และ startups มาเป็นผู้ร่วมออกบูธ จำนวน 2 บริษัท ซึ่งได้รับการเสนอชื่อโดยสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยและสมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุนตามลำดับ ดังนี้ (1) บริษัท แอดวานซ์ เว็บ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบธุรกิจรับทำระบบ E-commerce และ IT solution อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเข้าจดทะเบียนในกระดานที่สาม (SME Board) ในปี 2564 และ (2) บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจวิเคราะห์ข้อมูลสื่อสังคมออนไลน์โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์
ข่าวเด่น