บลจ.ทิสโก้ออกกองทุนเปิด ‘ทิสโก้ ไชน่า เทคโนโลยี เพื่อการเลี้ยงชีพ’ เน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีจีน เช่น Tencent, Baidu และ Meituan Dianping ชี้กำไรต่อหุ้นมีโอกาสเติบโตสูงตามความต้องการผู้ใช้งานในจีน เปิด IPO 8-21 ธ.ค. 63
นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co., Ltd.) กล่าวว่า ‘หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจีน’ เป็นอีกกลุ่มอุตสาหกรรมที่เหมาะสำหรับลงทุนระยะยาว แม้ในปีนี้ราคาหุ้นกลุ่มดังกล่าวจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือหุ้นกลุ่มอื่นๆ เพราะได้รับผลบวกจากความต้องการใช้งานที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ COVID -19 แพร่ระบาด แต่ในระยะยาวหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจีนก็ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก ตามไลฟ์สไตล์ของชาวจีนที่ใช้แอปพลิเคชันมาเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิตประจำวัน ประกอบกับเทคโนโลยีของจีนก็เป็นที่ยอมรับของผู้ใช้งานในระดับโลกมากขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มเห็นบางแอปพลิเคชันของฝั่งยุโรปและอเมริกาเริ่มพัฒนาบริการในรูปแบบที่คล้ายคลึงกับแอปพลิเคชันจากจีน
นอกจากนี้ อัตราการเติบโตของกำไรบริษัทเทคโนโลยีจีนก็อยู่ในระดับที่น่าสนใจอย่างมาก โดยข้อมูลจาก Bloomberg คาดว่าในปี 2563 บริษัทที่อยู่ในดัชนี MSCI China Information Technology Index ซึ่งเป็นดัชนีที่รวบรวมหุ้นเทคโนโลยีในประเทศจีนจะมีอัตรากำไรต่อหุ้น (EPS) เติบโต 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน และในปี 2564 จะมีอัตรากำไรต่อหุ้นเติบโต 17% เมื่อเทียบกับปี 2563 เพราะผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น และบริษัทเทคโนโลยีจีนก็เร่งขยายและพัฒนาธุรกิจให้มีความหลากหลาย ตอบโจทย์ผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด
ดังนั้น เพื่อสร้างโอกาสการลงทุนให้กับลูกค้า บลจ.ทิสโก้จึงเปิดเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า เทคโนโลยี เพื่อการเลี้ยงชีพ (TCHTECHRMF) ความเสี่ยงระดับ 7 (ความเสี่ยงสูง) เน้นลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในประเทศจีน ฮ่องกง และมาเก๊า ผ่านกองทุนอีทีเอฟ Invesco China Technology (กองทุนหลัก) ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท เปิดเสนอขายครั้งแรกวันที่ 8-21 ธันวาคม 2563 ทั้งนี้ กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมจึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก
“กองทุนนี้มีความโดดเด่นตรงที่กระจายการลงทุนไปยังหลากหลายธุรกิจเทคโนโลยีของจีน รวมไปถึงบริษัทจีนที่นำเทคโนโลยีมาขับเคลื่อนธุรกิจ และกองทุนหลักไม่ได้ให้น้ำหนักการลงทุนไปยังหุ้นตัวใดตัวหนึ่งเป็นพิเศษ จึงช่วยกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนได้อีกทางหนึ่ง และโดยปกติแล้วการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีซึ่งเป็นหุ้นที่อยู่ในกลุ่มเมกะเทรนด์ควรใช้กลยุทธ์การลงทุนระยะยาวเพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี ดังนั้น การลงทุนผ่านกองทุน RMF ซึ่งเป็นการลงทุนระยะยาวก็สามารถตอบโจทย์ข้างต้นได้อย่างดี” นายสาห์รัชกล่าว
สำหรับตัวอย่างบริษัทที่กองทุนหลักเข้าไปลงทุนเช่น บริษัท Meituan Dianping ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันด้านไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร และเป็นผู้นำธุรกิจ Food Delivery ในประเทศจีน โดยข้อมูลจาก Bloomberg คาดว่า ในปี 2563 บริษัท Meituan Dianping จะมีอัตราการเติบโตของ EPS อยู่ที่ 269% เมื่อเทียบกับปีก่อน และในปี 2564 จะเติบโตอีก 215% เมื่อเทียบกับปี 2563 ต่อมาคือบริษัท Tencent Holdings ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันต่างๆ โดยมีแอปพลิเคชันยอดนิยมอย่าง Wechat นอกจากนี้ยังดำเนินธุรกิจ Fintech และเกมออนไลน์อีกด้วย โดยข้อมูลจาก Bloomberg คาดว่า ในปี 2563 กำไรต่อหุ้นของ Tencent จะเติบโต 43% เมื่อเทียบกับปีก่อน และปี 2564 จะเติบโต 24% เมื่อเทียบกับปี 2563 และบริษัท Baidu ผู้นำ Search Engine อันดับ 1 ของจีน และมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น Online Video Platform, Cloud, ธุรกิจ AI เช่น รถยนต์ไร้คนขับ ซึ่งข้อมูลจาก Bloomberg คาดว่า ในปี 2563 กำไรต่อหุ้นของ Baidu จะเติบโต 36% เมื่อเทียบกับปีก่อน และปี 2564 จะเติบโต 21% เมื่อเทียบกับปี 2563
ทั้งนี้ กองทุนเปิด TCHTECHRMF-A อาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในต่างประเทศ จึงมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนรวม ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของ RMF และควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้าเงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน และสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียด ได้ที่ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือ TISCO Contact Center โทร. 0 2633 6000 กด 4 และ 0 2080 6000 กด 4
ข่าวเด่น