หากคุณอยากมั่นใจว่าหุ้นที่ซื้อนั้นมีฐานะทางการเงินที่มั่นคง สามารถทำกำไรไปได้ยาวๆ วันนี้มิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์ฯ และคุณ ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ขอบอกว่า คุณต้องรู้ด้วยว่าผู้บริหารบริษัทนั้นๆ เขาใช้เงินลงทุนของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพแค่ไหน ไม่ได้นำเงินไปผลาญเล่นจนค่าใช้จ่ายบาน กำไรต่อเงินลงทุนแต่ละบาทลดลงเรื่อยๆ
และนี่คือการวัดประสิทธิภาพในการบริหารเงินของบริษัท
อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (Return on Assets หรือ ROA)
อัตราส่วนนี้บอกว่าทรัพย์สินที่บริษัทมีแต่ละบาท สามารถนำไปแปรสภาพเป็นกำไรได้ดีแค่ไหน หรือพูดง่ายๆ คือ บริษัทใช้ทรัพย์สินที่ตัวเองมีอยู่แล้วไปต่อยอดธุรกิจได้คุ้มค่าหรือไม่
ผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (%) = (กำไรสุทธิ / สินทรัพย์) x 100
หรือ (กำไรสุทธิ / (ส่วนของผู้ถือหุ้น + หนี้สิน )) x 100
Return on Assets น(%) = (Net Income / Assets) x 100
or (Net Income / (Equity + Liabilities)) x 100
ROA ยิ่งสูงยิ่งดี เพราะแสดงว่าบริษัทสามารถทำกำไรและสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นจากสินทรัพย์ที่มีอยู่ในบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก แต่มีข้อควรระวังอย่างหนึ่งคือ ถ้า ROA สูงๆ มาพร้อมกับหนี้สินสูงๆ แสดงว่าผลตอบแทนที่ได้สร้างมาจากการกู้ยืม ไม่ใช่เงินลงทุน แบบนี้ค่อนข้างอันตรายเหมือนกัน
อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (Return on Equity หรือ ROE)
ROE จะเจาะลงไปให้นักลงทุนเห็นเลยว่า นี่คือสัดส่วนกำไรที่บริษัทสร้างให้นักลงทุนต่อ 1 บาท
ที่ลงทุนไป
ผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (%) = (กำไรสุทธิ / ส่วนของผู้ถือหุ้น) x 100
Return on Equity (%) = (Net Profit / Equity) x 100
อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นหรือรักษาความสม่ำเสมอของผลตอบแทนในระดับสูงไว้ได้ บ่งบอกถึงความสามารถในการเติบโตและแข่งขันในตลาด รวมถึงมีความใส่ใจในการสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้น
SG&A to Sale
อัตราส่วนนี้จะบอกนักลงทุนว่ารายได้ 1 บาทที่บริษัททำได้ ต้องใช้จ่ายเป็นค่าเกี่ยวกับการบริหารจัดการ เช่น ค่าจ้างพนักงาน ค่าโฆษณาสินค้า ค่าซื้ออุปกรณ์สำนักงาน ค่าน้ำค่าไฟ เท่าไหร่
ค่าใช้จ่ายในการบริหารต่อยอดขาย (%) = (ค่าใช้จ่ายในการขาย ค่าใช้จ่ายทั่วไป
และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการทำธุรกิจ / รายได้) x 100
SG&A to Sale (%) = (Selling, General & Administrative Expense / Revenue) x 100
ยิ่งสัดส่วนค่าใช้จ่าย SG&A น้อยเท่าไหร่ ยิ่งดี เหลือเป็นกำไรให้ธุรกิจนำไปต่อยอดเยอะขึ้น แถมถ้าเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ บริษัทยังคงประคับประครองตัวเองไปได้โดยไม่ต้องปลดพนักงาน
อัตราการหมุนเวียนของสินค้าคงเหลือ (Inventory Turnover)
แสดงให้เห็นถึงความเร็วในการหมุนสินค้าของบริษัท โดยดูว่าเมื่อบริษัทลงทุนไปแล้วเท่านี้ บริษัทขายของได้กี่ครั้ง ยิ่งเยอะ หมายความว่าบริษัทขายของได้เร็ว โดยปกติแล้วเปรียบเทียบกับอดีตแค่นั้นไม่ได้ ต้องดูเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมด้วย ถึงจะเห็นประสิทธิภาพที่แท้จริงของบริษัท
อัตราการหมุนเวียนของสินค้าคงเหลือ = ต้นทุนสินค้าขาย / สินค้าคงเหลือเฉลี่ย
Inventory Turnover = Cost of Good Sold / Avg. Inventory
สินค้าคงเหลือเฉลี่ย = (สินค้าต้นงวด + สินค้าปลายงวด) / 2
อัตราหมุนเวียนของสินทรัพย์ถาวร (Fixed Assets Turnover)
สินทรัพย์ถาวร คือ สินทรัพย์จำพวกที่ดิน โรงงาน ตึกออฟฟิศ ซึ่งอัตราส่วนนี้บอกให้นักลงทุนรู้ว่า บริษัทใช้สินทรัพย์เหล่านี้ในการสร้างรายได้ ได้คุ้มแค่ไหน
อัตราหมุนเวียนของสินทรัพย์ถาวร = ขายสุทธิ / สินทรัพย์ถาวร
Fixed Assets Turnover = Sales / Fixed Assets
อัตราหมุนเวียนของสินทรัพย์ถาวรไม่มีเกณฑ์ตัวเลขที่แน่นอน จึงต้องเปรียบเทียบตัวเลขปัจจุบันกับอดีตเพื่อดูแนวโน้มของบริษัท และเปรียบเทียบกับคู่แข่งและค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมด้วย
อัตราการหมุนเวียนของสินทรัพย์รวม (Total Assets Turnover)
อัตราส่วนนี้บอกว่าบริษัทสามารถใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่ทั้งหมดสร้างยอดขายได้กี่เท่า ถ้าสูงถือว่าสร้างได้มาก แต่ถ้าต่ำ แสดงว่าบริษัทไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ หรืออาจจะแปลได้ว่าบริษัทมีสินทรัพย์ที่ไม่สร้างรายได้อยู่ก็ได้
อัตราส่วนการหมุนเวียนของสินทรัพย์รวม = ขายสุทธิ / สินทรัพย์รวม
Total Assets Turnover = Sales / Total Assets
ข่าวเด่น