IND เตรีมพร้อมเทรดเข้า mai 22 ธ.ค.63นี้ มั่นใจปัจจัยพื้นฐาน คาดเปิดตลาดยืนเหนือราคาจองซื้อ 1.10 บาท พร้อมเพิ่มศักยภาพลงทุนซอฟแวร์ เตรียมรับขยายงานเมกะโปรเจ็ค
ดร.สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ IND เปิดเผยว่า หุ้น IND จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) และเริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นวันแรกในวันที่ 22 ธันวาคม 2563 นี้ คาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี จากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และความเชี่ยวชาญในงานด้านวิศวกรรมที่ปรึกษามามากกว่า 37 ปี ตอกย้ำถึงประสิทธิภาพในการทำงาน และความไว้วางใจจากลูกค้าที่มีต่อบริษัทฯ ส่งผลให้หุ้น IND มีความน่าเชื่อถือและน่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้กับผู้ถือหุ้นได้
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด(มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ IND กล่าวว่า หุ้น IND เป็นหุ้นที่มีความน่าใจและราคาหุ้นที่ 1.10 บาท ถือว่ามีความเหมาะสม ประกอบกับศักยภาพการขยายตัวทางธุรกิจเพื่อรองรับงานในอนาคต จากความสามารถในการรับงานและผลงานที่ผ่านมาของบริษัท ซึ่งการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้บริษัทจะเข้าถึงแหล่งเงินทุนและสามารถนำเงินที่ได้จากการระดมทุนมาต่อยอดธุรกิจให้เติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
“คาดว่าหุ้น IND ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน จากศักยภาพการทำงานของบริษัท และเป็นหุ้นที่อยู่ในธุรกิจที่สามารถเติบโตตามการขยายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ได้ จึงทำให้หุ้น IND มีความน่าสนใจไม่น้อย ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ”
ดร.ชัยณรงค์ ณ ลำพูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ IND กล่าวว่า การเข้าเป็นบริษัทหลักทรัพย์จดทะเบียนและทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 22 ธันวาคม 2563 เป็นวันแรกนั้น บริษัทฯ หวังว่าจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่มีความมั่นคง มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยบริษัทมีอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำมากที่ 0.03 เท่า และประสบการณ์การในการทำงานที่มีมาอย่างยาวนานกว่า 37 ปีนั้น จะส่งผลให้หุ้น IND เป็นหุ้นที่น่าสนใจและได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน
ทั้งนี้ เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งบริษัทฯ จะนำไปใช้เพื่อเป็นลงทุนในระบบคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และซอฟต์แวร์ สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการให้บริการ และเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับรองรับการรับงานที่เพิ่มขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ (เมกะโปรเจค) ในหลายโครงการ ทั้งในส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายต่างๆ โครงการพัฒนาสนามบิน และโครงการรถไฟความเร็วสูงในหลายเส้นทาง รวมถึงคลังน้ำมันและถังเก็บน้ำมัน ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ สามารถรับงานเหล่านี้ได้มากขึ้น เนื่องจากกลุ่มลูกค้าของบริษัทฯ มีทั้งภาครัฐและเอกชน โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้เข้าไปประมูลงานต่างๆ และมีบางโครงการที่เริ่มทยอยเซ็นสัญญาไปบ้างแล้ว จึงทำให้บริษัทฯ มีแนวโน้มจะมีงานในมือ (Backlog) เพิ่มมากขึ้นในปีถัดไป
ข่าวเด่น