หุ้นทอง
ข้อสังเกตหุ้น Laggard ก่อนลงทุน


กลยุทธ์เล่นหุ้น เชื่องช้า-ตื่นสาย

ควรซื้อก่อนคนอื่น-เหมาะลงทุนสั้น

หากตลาดหุ้นอยู่เป็นช่วงขาขึ้น เศรษฐกิจโดยรวม หรือภาวะกลุ่มอุตสาหกรรมกำลังไปได้ดี ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนคึกคัก ราคาหุ้นโดยส่วนใหญ่จะปรับขึ้นตามไปด้วย ทำให้นักลงทุนที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเลือกหุ้นถูก จะได้รับประโยชน์จากส่วนต่างราคา (capital gain)
 

แต่ก็มีนักลงทุนอีกหลายคน ซึ่งไม่มีเวลาคอยตรวจสอบพอร์ตหุ้น อาจจะพลาดโอกาส หรือภาษาห้องค้าเรียกว่า “ตกรถไฟ” กว่าจะรู้ตัวอีกที หุ้นหลายตัวราคาก็วิ่งไปแล้ว
 
มิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์ฯ และคุณเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม บอกว่า ขณะที่ราคาหุ้นหลายตัวขยับขึ้น ยังมีหุ้นอยู่กลุ่มหนึ่งที่ราคาขยับแบบเชื่องช้า ซึมๆ ไม่ค่อยตื่นตัวเท่าไหร่ นักลงทุนมักจะได้ยินคำที่เรียกหุ้นกลุ่มนี้ ว่า “หุ้น Laggard” 

โดยธรรมชาติของหุ้นกลุ่มนี้ขึ้นอยู่กับจิตวิทยาการตลาด นั่นคือคุณอาจมองว่าหุ้นกลุ่มที่เป็นผู้นำตลาดจะได้รับผลประโยชน์ในการลงทุนมากกว่าหากเกิดการเปลี่ยนแปลง

ส่วนในด้านจิตวิทยานั้น อาจมองได้ว่า หุ้นกลุ่มนำตลาดส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ ปริมาณการซื้อขายสูง (สภาพคล่องสูง) ส่วนหุ้นลำดับรองลงมามักมีขนาดเล็กและราคาหุ้นไม่สูงเมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มผู้นำในอุตสาหกรรมเดียวกัน และสังเกตได้ว่าราคาหุ้นมักปรับตามหุ้นกลุ่มผู้นำ
 
ดังนั้น สรุป Laggard คือหุ้นที่ราคายังไม่ปรับขึ้นเหมือนหุ้นตัวอื่นๆ ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน ทั้งๆ ที่ปัจจัยพื้นฐานไม่มีความแตกต่างกัน
 
ยกตัวอย่าง หุ้น A หุ้น B หุ้น C และหุ้น D ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เหมือนกัน ซื้อขายในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้ง 4 บริษัทมีคุณภาพด้านปัจจัยพื้นฐานเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นระดับการเติบโตของยอดขาย กำไรสุทธิ ความสามารถการแข่งขัน และนักวิเคราะห์ประเมินการดำเนินธุรกิจในเชิงบวก ทำให้ราคาหุ้นปรับขึ้นไปพร้อมๆ กัน เมื่อประกาศงบไตรมาสแรกออกมาก็เป็นไปตามคาด ทั้ง 4 บริษัททำผลงานได้ดีในระดับใกล้เคียงกัน ส่งผลให้ราคาหุ้น A ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามมาด้วยหุ้น B และ C ราคาก็ปรับขึ้นตาม แต่เมื่อมองหุ้น D พบว่าราคาแทบไม่ค่อยขยับเลย
 
เมื่อเข้าไปดูคุณภาพปัจจัยพื้นฐานของหุ้น D พบว่าไม่ต่างจากธุรกิจ A, B และ C เลย แต่ทำไมราคาหุ้นถึงไม่ปรับขึ้นตาม หากเป็นแบบนี้หุ้น D จะถูกเรียกว่าเป็นหุ้น Laggard คือ หุ้นที่ราคายังไม่ปรับขึ้นตามหุ้นตัวอื่นๆ ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน ทั้งๆ ที่ปัจจัยพื้นฐานไม่มีความแตกต่างกัน
 
คำอธิบายดังกล่าว เป็นการมองหุ้น Laggard ด้วยการใช้ปัจจัยพื้นฐานในการคัดเลือก นั่นคือ หากปัจจัยพื้นฐานใกล้เคียงกัน มูลค่าหุ้น (Valuation) ที่ประเมินออกมาก็ไม่ควรแตกต่างกัน ดังนั้น ราคาหุ้นก็ควรปรับขึ้นเหมือนกัน
 
การค้นหาหุ้นที่มีการขยับขึ้นของราคาไม่มากเมื่อเทียบกับทั้งตลาด (Laggard) ยังคงมีวิธีให้เลือกลงทุนอย่างหลากหลาย เช่น นักลงทุนสามารถคัดกรองหุ้น Laggard ผ่านสัญญาณทางเทคนิค วิธีการคือ เปรียบเทียบราคาหุ้นกับดัชนีตลาด (SET Index) หรือดัชนี SET100 หรือดัชนี sSET

โดยหุ้นตัวไหนที่มีสัญญาณซื้อ เทคนิคสวย แต่ราคาขยับขึ้นต่ำกว่าดัชนีตลาดที่ใช้ในการเปรียบเทียบ แสดงว่าเข้าข่ายเป็นหุ้น Laggard จากนั้นก็ทำการศึกษาข้อมูล วิเคราะห์ต่อก่อนตัดสินใจลงทุน
 
นอกจากนี้ คุณสามารถออกแบบธีม (Theme) หุ้น Laggard หรือกำหนดขึ้นมาเองได้ด้วยตัวเอง เช่น เลือกหุ้น Lagagrd ด้วยธีมอัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ หุ้นปันผล หุ้นโครงการเมกกะโปรเจค หรือเลือกหุ้น Laggard ผ่าน SET50 หรือ SET100
 
เช่น คัดกรองหุ้นที่อยู่ในกลุ่ม SET50 หรือ SET100 ที่นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาซื้อในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา แต่ราคาหุ้นเคลื่อนไหวต่ำกว่าตลาดอย่างน้อย 3% ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา หรือ กนง. ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ต้องดูว่าหุ้นตัวไหนได้รับประโยชน์จากการปรับขึ้นของดอกเบี้ย เช่น บริษัทที่มีเงินสดมาก มีหนี้ต่ำ บริษัทที่ดำเนินธุรกิจปล่อยกู้ เมื่อดอกเบี้ยปรับขึ้นก็สามารถปรับดอกเบี้ยเงินกู้ขึ้นตามไปได้
 
การที่จะคัดกรองเพื่อค้นหาหุ้น Laggard ได้ คุณต้องรู้กลไกของสถานการณ์ว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์นั้นๆ ขึ้น จะส่งผลต่อธุรกิจอย่างไร เช่น ธุรกิจไหนได้ประโยชน์ ได้ประโยชน์มากน้อยแค่ไหน หรือธุรกิจไหนเสียประโยชน์
 
แน่นอนว่าหุ้นที่ได้รับประโยชน์และเป็นผู้นำตลาด ราคาหุ้นมักจะปรับขึ้นและตอบสนองอย่างรวดเร็ว หากคุณซื้อได้ทันจะได้รับผลตอบแทนที่ดี แต่หากซื้อไม่ทันก็ต้องมองหาหุ้นที่ได้รับประโยชน์รองๆ ลงมา ที่ราคาหุ้นยังไม่ปรับขึ้น
 
จะสังเกตได้ว่าเวลาหุ้นที่ราคาปรับขึ้นไปก่อน มักเป็นหุ้นที่เป็นกลุ่มผู้นำหรือหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปใหญ่ เช่น รัฐบาลออกมาตรการและทำให้หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ได้รับประโยชน์ จะสังเกตได้ว่าราคาหุ้นขนาดใหญ่และเป็นผู้นำจะปรับขึ้นก่อน หลังจากนั้นราคาหุ้นขนาดรองลงไปจะค่อยๆ ปรับขึ้นตาม
 
ถ้อเป็นเรื่องปกติที่เวลาลงทุน คุณต้องมองหาหุ้นขนาดใหญ่ มีความปลอดภัยสูงก่อนเสมอ และเมื่อราคาหุ้นขนาดใหญ่ปรับขึ้นไปหมดแล้ว นักลงทุนจะเริ่มมองหุ้นขนาดรองๆ ลงไป
 
ด้วยเหตุนี้ หุ้น Laggard จึงเหมาะกับการลงทุนในระยะสั้นๆ หรือเทรดดิ้ง เพื่อหาผลตอบแทนจากการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้น (Capital Gain)

หากเลือกหุ้น Laggard ได้ และเมื่อเข้าซื้อ แล้วอีกไม่กี่วันราคาหุ้นปรับขึ้น ก็จะทำให้ได้รับผลตอบแทนตามที่คาดหวัง

ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนหุ้น Laggard ก็คือ ซื้อก่อนนักลงทุนคนอื่นๆ แต่ก่อนซื้อต้องมั่นใจว่าราคาหุ้นนั้นจะปรับขึ้น

แต่แนะนำว่าการลงทุนระยะสั้นๆ ไม่ควรซื้อหุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำจนเกินไป
 
เทคนิคขายหุ้น Laggard
 
เนื่องจากหุ้น Laggard เหมาะกับการลงทุนระยะสั้นๆ ดังนั้น เมื่อซื้อหุ้นไปแล้ว คุณต้องดูการปรับขึ้นของราคาหุ้นที่เป็นกลุ่มผู้นำหรือหุ้นที่ราคาปรับขึ้นไปก่อนหุ้น Laggard ว่าตั้งแต่ราคาหุ้นปรับขึ้นไปจนถึงระดับที่ราคาเริ่มไม่ขยับแล้วเป็นกี่เปอร์เซ็นต์
 
ราคาหุ้น Laggard ที่ปรับขึ้นไปได้จะไม่แตกต่างไปจากหุ้นกลุ่มผู้นำ หรืออาจจะปรับขึ้นต่ำกว่าเล็กน้อย ดังนั้น เมื่อราคาปรับขึ้นไประดับใกล้เคียงกับกลุ่มผู้นำก็ต้องขายทำกำไร เช่น ราคาหุ้นกลุ่มผู้นำปรับขึ้นไปได้ 10% จากนั้นราคาเริ่มนิ่งและเริ่มปรับลดลง ราคาหุ้น Laggard ก็ควรปรับขึ้นไปได้ระดับ 8% 10% และเมื่อถึงระดับแถวๆ นี้ก็ต้องขายทำกำไร

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 11 ม.ค. 2564 เวลา : 09:31:36
30-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 30, 2024, 11:40 am