หุ้นทอง
บทความ ดร.กฤษฎา : การทำธุรกิจยุค แพลตฟอรม์ (ตอนที่ 2)


รศ.(พิเศษ) ดร.กฤษฎา เสกตระกลู CFP®


สําหรับในตอนที่ 2 ของบทความนี้ ผมจะนําทุกท่านลงไปในรายละเอียดเกี่ยวกับแพลตฟอรม์ของธุรกิจยุคใหม่ซึ่งประกอบไปด้วยเนื้อหา 3 เรื่อง ได้แก่ การสร้าง Digital platform ประเภทของ Digital platform และ Platform business

1.การสร้าง Digital platform

การจะทำธุรกิจในยุคใหม่ได้ ต้องมีการสร้าง Digital platform ขึ้น ซึ่งมีส่วนประกอบสำคัญ 2 ประการคือ

• Technical functionality

บน Digital platform จะต้องมี core function เพื่อทำหน้าที่ให้ user เข้าถึงแพลตฟอร์ม และมีส่วนที่ให้บริการเก็บข้อมูล ส่วนที่ดูแลการปฏิสัมพันธ์ ซึ่งในการทำครั้งแรกๆ แพลตฟอร์ม อาจยังไม่สมบูรณ์แบบ และอาจเกิความล้มเหลวเมื่อนำไปทดสอบนับครั้งไม่ถ้วน หรือที่เรียกขั้นตอนนี้ว่า MVP (minimum viable product) จนกว่าจะได้ Core technical functionality ที่ผ่านการทดสอบยืนยันจาก User experience ก็จะ สามารถนำไปเริ่มทำธุรกิจ และขยายขนาดต่อไป

• Network effects

ส่วนสําคัญของเทคโนโลยีบน core function อีกประการ คือ การทำให้เกิดปฏิสัมพันธ์ของสมาชิก ที่เข้ามาใช้แพลตฟอร์ม ในหลายลักษณะเช่น one-to-one,one-to-many และ many-to-many ซึ่งนอกจากจะทำให้เกิดธุรกรรม (Transactions) ที่หลากหลายบนแพลตฟอร์ม และสามารถดึงดูดสมาชิกใหม่ๆ เข้ามาได้อีกด้วย ดังนั้น การเกิด
Network effects จะช่วยเร่งปฏิกิริยาการเติบโตของแพลตฟอร์มแบบก้าวกระโดด ซึ่งเป็นผลดีต่อธุรกิจที่อาศัยแพลตฟอรม์นี้

2.ประเภทของ Digital platform

• Transaction platforms

เป็นแพลตฟอร์ม ที่อํานวยความสะดวกในการซื้อขายแบบออนไลน์ บางคนก็เรียกว่า platform นี้ว่า Two-sided
Markets หรือ Multi-sided Markets

• Innovation platforms

เป็นแพลตฟอรม์ ที่มีเทคโนโลยีพื้นฐานให้แก่สมาชิกเพื่อนำไปสร้างนวัตกรรม สินค้า และบริการ ต่อไป ตัวอย่างบริษัทที่ทำหน้าที่เป็น Innovation platform เช่น Microsoft และ Intel เป็นต้น

• Integrated platforms

เป็นแพลตฟอรม์ที่รวม Transaction และ Innovation platform เข้าด้วยกัน ตัวอย่างเช่น Apple,Google และ Alibaba ซึ่งการรวมแพลตฟอร์มหลายลักษณะนี้ จะช่วยบริการลูกค้าได้หลากหลาย และเพิ่มมูลค่าธุรกิจมากขึ้น

• Investment platforms

เป็นแพลตฟอร์ม ที่ผู้เป็นเจ้าของไม่ได้เป็นผู้บริหารโดยตรงของ Major platform แต่ทำหน้าที่เป็นช่องทาง (holding vehicles) ให้กับแพลตฟอร์มอื่น เช่น แพลตฟอร์มชี่อ PLAT ที่เป็นช่องทางการลงทุนใน ETFs (exchange traded funds) ของสถาบันการเงินต่างๆ

 
3. Platform business
Alex Moazed (จาก Model – Definition - What is it? - Explanation, Applico)

ให้คําจํากัดความว่า แพลตฟอร์ม เป็น Businessmodel ที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจ โดยอำนวยความสะดวกให้เกิดการแลกเปลี่ยนจากกลุ่มคนตั้งแต่ 2 กลุ่มขึ้นไป โดยทั่วไปคือ ผู้บริโภค (consumers) และผู้ผลิต (producers) และเพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีประสิทธิภาพ แพลตฟอร์มจะต้องทำหน้าที่บ่มเพาะ และขยายเครือข่ายของกลุ่มคนเหล่านี้มากยิ่งขึ้นทำให้เกิดการใช้แพลตฟอร์มมากขึ้น

โดยสรุปแพลตฟอร์มช่วยสร้างชุมชน (communities) และตลาด (markets) ซึ่งผลลัพธ์เหล่านี้ เรียกว่า Networkeffects ซึ่งจะทำให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามมา Facebook , Uber และ Alibaba เป็นตัวอย่างของธุรกิจในลักษณะ Platform business ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ผลิต และควบคุมสินค้าคงเหลือผ่าน supply chain เหมือนธุรกิจแบบดั้งเดิม (Traditional/Linear business)

ธุรกิจที่เป็น Platform business ไม่จำเป็นต้องเป็นเป็นเจ้าของโรงงานผลิตแต่เป็นผู้สร้างการเชื่อมต่อ (The means of connection) โดยผ่านระบบอินเทอร์เน็ต และอุปกรณ์สื่อสารในรูปแบบ connected technology ทำให้สามารถขยายเครือข่ายได้รวดเร็วมากกว่าการทำธุรกิจแบบเดิม

แต่ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า แพลตฟอร์ม เป็น Business model ไม่ใช่เทคโนโลยี (A piece of technology) บางครั้งคนยังเข้าใจผิดคิดว่า แพลตฟอร์ม คือ Mobile App หรือเว็บไซต์ แต่จริงๆ แล้ว มันคือรูปแบบ ของการทำธุรกิจที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มจากการเชื่อมโยงให้เกิดการแลกเปลี่ยนระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภค เพียงแต่การเชื่อมโยงดังกล่าว ต้องอาศัยเทคโนโลยี่เข้ามาเกี่ยวข้องอ้างอิง

ในขณะที่ Traditional business จะมีวิธีการดำเนินธุรกิจที่ต้องอาศัยห่วงโซ่คุณค่าที่เรียกว่า linear supply chain ซึ่งโมเดลของธุรกิจเหล่านี้ จะมี Infrastructure และการคิดต้นทุนที่แตกต่างออกไปจาก Platform business และวิธีการทำธุรกิจจะเป็นแบบทางตรงเริ่มจากวัตถุดิบ (upstream) สู่กระบวนการผลิตในโรงงาน (midstream) และจัดจำหน่ายไปยังผู้บริโภค (downstream) ในตลาดที่อยู่บนห่วงโซ่ของตัวเองเท่านั้น

ในขณะที่ Platform business เป็นปฏิสัมพันธ์ที่เกิดระหว่างกลุ่มในเครือข่ายไม่จำเป็นต้องมีลักษณะเป็น Linear แต่จะเป็นแบบ Complex ทำให้มีโอกาสเกิดกิจกรรมทางธุรกิจได้มากกว่า เช่น
 
ธุรกิจ e-commerce ที่ช่วยทำให้คู่ค้าเจอกัน ลูกค้าได้เจอกัน ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยน และการค้าขายที่ช่วยเพิ่มปริมาณธุรกรรมได้มากกว่ากัน

กล่าวกันว่า ในศตวรรษที่ 21 นี้ ห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจจะไม่ได้เป็นแกนกลางของธุรกิจจะไม่ได้เป็นแกนกลาง (Centralaggregator) ของการสร้างมูลค่าธุรกิจอีกต่อไป และธุรกิจยุคใหม่ จะเริ่มต้นทำ Business model ที่ช่วยสร้างการเชื่อมต่อในรูปแบบขยายไม่ใช่รูปแบบทำตรง ซึ่ง Platform business คือคําตอบในเรื่องนี้

ตัวอย่างของ Google,Apple และ Facebook ซึ่งเป็น Platform business ที่ประสบความสำเร็จ และโด่งดังแต่นี่เป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น มีการคาดการณ์ว่าจำนวนของ Platform business กำลังเติบโต และขยายขนาดได้อย่างรวดเร็วในปี 2016 ข้อมูลจาก Forbes ระบุว่า 4 ใน 5 บริษัทที่มีมูลค่าแบรนดส์ สูงสุด เป็นธุรกิจประเภท Platform business และข้อมูลในปี 2017 พบว่า 5 บริษัท มีมูลค่าตลาดของหุ้น (market capitalization) สูงสุดเป็นธุรกิจประเภท Platform business เช่นกันอีก ทั้งทิศทางของบริษัทใหม่ๆ แบบ Platform business เริ่มขยายตัวไปยังทวีปต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชีย เช่น Alibaba,Tencent, Baidu และ Rakuten เป็นต้น
 

ในมิติของนักลงทุน ก็เริ่มสนใจและให้คุณค่าแก่ บริษัทที่ดำเนินธุรกิจแบบ Platform business มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะบริษัทที่ประสบความสำเร็จ ในการขยายขนาดของธุรกิจ จนกลายเป็นผู้นำของอุตสาหกรรม

ตัวเลขจากบริษัทที่อยู่ใน S&P500 พบว่า บริษัทประเภท Platform business มีมูลค่าสูงกว่ารายได้เฉลี่ย (average revenue) ถึง 8.9 เท่า ในขณะท่ีกลุ่ม Traditional business ทําได้เพียง 2.4 เท่า ในอัตราส่วนประเภทเดียวกัน กระแสดังกล่าว ทำให้ Traditional business ที่เคยประสบความสําเร็จมาในอดีตอย่างยาวนาน ต้องกลับมาทบทวนวิธีการทำธุรกิจ กันใหม่

อันนี้ ไม่ใช่เป็นความผิดพลาดของธุรกิจดั้งเดิม แต่เป็นเพราะรูปแบบละวิธีการทำธุรกิจได้เปลี่ยนให้เกิดห่วงโซ่คุณค่าในรูปแบบใหม่ๆ ซึ่งการเชื่อมต่อนี้ ต้องอาศัยเทคโนโลยี คนที่ไม่ปรับตัวอาจต้องลงจากเวทีแบบ งงๆ ว่า เกิดอะไรขึ้นทั้งที่วันก่อนยังดีอยู่เลย หรือบางบริษัทก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มนี้ไปด้วย และคู่แข่งบนแพลตฟอร์ม ก็มีมากมายเกิดการแข่งขันที่รุนแรง หากต่อสู้แล้วไม่รอด ก็คงต้องไป หรือไม่ก็ต้องสร้างแพลตฟอร์ม ของตัวเองให้เข้มแข็งจูงใจให้คนอื่นๆ อยากจะเข้ามาเชื่อมต่อด้วย แต่ละบริษัทต้องเก็บไปคิดเอาเอง ผมรู้แค่ว่า ถ้าอยู่เฉยๆ ตายแน่ๆ

LastUpdate 11/01/2564 11:30:26 โดย : Admin
30-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 30, 2024, 11:49 am